ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ยึดทรัพย์ “หลงจู๊สมชาย” จะได้มากกว่านี้ ถ้า “ผบ.ปั๊ด” ไม่ถ่วงเวลา พบคนมีเอี่ยวยาวเป็นขบวนรวม “บิ๊กตำรวจ” ที่เปิดชื่อมาต้องผงะ!! **
ว่าด้วย “หลงจู๊สมชาย” สมชาย จุติกิติ์เดช เจ้าของธุรกิจบ่อนพนันที่ระยอง และอีกหลายแห่งในภาคตะวันออก กทม. และ อีสาน
งานเข้าอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เมื่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติเห็นชอบให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเครือข่ายบ่อนการพนันมาบตาพุด จ.ระยอง และบ่อนการพนัน RJ (หลัง บขส.) อ.เมืองระยองของ “หลงจู๊สมชาย” และยังมีมติยึดและอายัดทรีพย์ในเครือข่าย ของ เสี่ยโป้ โป้อานนท์ และ นางบานเย็น ชาญนรา มารดาของเสี่ยโป้ ในคราวเดียวกัน
ปปง.ได้แจ้งว่า การยึดและอายัดทรัพย์สินของ “หลงจู๊-เสี่ยโป้” รวมผู้เกี่ยวข้องล็อตนี้มีทั้งสิ้นจำนวน 430 รายการ ทั้งเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร เครื่องประดับ ทองรูปพรรณ ยานพาหนะ ห้องชุด ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็นต้น
ทั้งหมดรวมๆ ราคาประเมินประมาณ 1,200 ล้านบาท
ถามกันว่า 1,200 ล้านมากหรือน้อย? ก็ต้องบอกว่า กับเครือข่ายธุรกิจพนันระดับใหญ่ มีรายได้จากบ่อน ตู้สล็อต ตู้ม้า และ พนันออนไลน์ ที่ประเมินกันก่อนหน้านี้ เฉพาะของ “หลงจู๊สมชาย” คนเดียวก็มากมายกว่านี้หลายเท่า
เอาแค่เงินสดๆ ในบัญชีของหลงจู๊ ก็ว่ากันว่า มีกว่า 400 ล้านบาทเข้าไปแล้ว ไม่นับรากฐานที่หลงจู๊ ทำบ่อนพนัน พนันออนไลน์ ตู้สล็อตมาเป็นสิบปี รายได้เดือนๆ นึง ถ้าไม่มีโควิดรอบใหม่ที่ “บ่อนโป๊ะแตก” มีผู้ติดเชื้อเป็น “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” ก็คงยังอยู่ชิลล์ๆ รับเหนาะๆ เดือนละหลายร้อยล้าน
ในเบื้องต้นก็ต้องดูในรายละเอียดอีกครั้งว่า เป็นของ “หลงจู๊” เท่าไหร่ เป็นเครือข่าย “เสี่ยโป้” เท่าไหร่ แต่ชั้นนี้ ก็ถือว่า ปปง.ได้ใช้ความพยายาม “ที่ถูกที่ควร” แล้ว
ว่ากันตามตรง น่าเสียดายที่ ปปง.น่าจะตามล่ายึดทรัพย์ของขบวนการหลงจู๊ได้มากกว่านี้ ถ้ารัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ไม่ “เตะถ่วง เงื้อง่า มะงุมมะหงาหรา”
ถ้าไล่ไทม์ไลน์กันดีๆ ตั้งแต่บ่อนหลงจู๊โป๊ะแตกปลายเดือนธันวาฯ 63 กว่าจะแจ้งข้อหาหลงจู๊ก็ปาเข้าไป 11 กุมภาฯ 64 แถมข้อหาที่แจ้งก็เป็นคดีเก่าเบาหวิว
ระยะเวลากว่าเดือนเศษๆ มีเวลามากพอที่หลงจู๊จะเคลื่อนไหวลบรอยทำลายหลักฐาน โยกย้ายของมีค่า ทรัพย์สินออกไป
ดังได้เห็นกันไปแล้วกับ “ปาหี่” บุกคฤหาสน์หลังงามของหลงจู๊ที่ค้นเจอทรัพย์สิน “เงิน 100 บาท กับพระ 1 องค์” นั่นไง!
เรื่องนี้ ถ้า “ตำรวจใหญ่” ในพื้นที่ไม่ช่วยเหลือหลงจู๊ หรือเพียง พล.ต.อ.สุวัฒน์ สั่งการเด็ดขาด ใข้มาตรฐานเดียวกับที่ลงโทษตำรวจลูกน้องตัวเอง แจ้งข้อหาหนัก ผิด พ.ร.บฉุกเฉิน หรือที่ชัดๆ ว่า พนันเป็นความผิดตามมูลฐาน “ฟอกเงิน” ก็ต้องพ่วงไปด้วยตั้งแต่แรก แต่กลับก็ไม่ดำเนินการไปทีเดียว
งานนี้ ผบ.ตร.กว่าจะแจ้งเพิ่มข้อหาฟอกเงินกับ “หลงจู๊สมชาย” ก็ปาเข้าไปเป็นวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมานี้เอง การเว้นระยะปล่อยเวลาทอดออกมาจากเดือน ก.พ.ที่แจ้งข้อหาพนันมาอีกเป็นเดือน ย่อมมีผลตามมา
ด้วยว่า ปปง.จะทำการอายัดและยึดทรัพย์หลงจู๊ได้ก็ต่อเมื่อตำรวจแจ้งข้อหาฟอกเงินกับหลงจู๊ จึงค่อยลงมือได้ตามขั้นตอนกฎหมายจึงมีเวลาน้อยมาก ขณะที่หลงจู๊มีเวลาเยอะที่จะจัดการกับทรัพย์สินตัวเอง
ยกตัวอย่างเช่น เบิกถอนบัญชี 400 กว่าล้าน หลงจู๊มีเวลาเป็นเดือนที่จะทำแบบสบายๆ
แว่วว่า ปปง.แม้มีเวลาน้อยในการตามล่าขุมทรัพย์ของเครือข่ายพนันใหญ่ ทั้งหลงจู๊สมชาย และ เสี่ยโป้ แต่ก็เมื่อสืบเส้นทางการเงินลงไปลึกๆ พบว่า มีผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาจำนวนมาก ทั้งฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ที่บางรายเป็นนายตำรวจระดับ “บิ๊ก” ที่หากเปิดชื่อเสียงเรียงนามออกมา สังคมต้องผงะ
ส่วนจะเป็นใคร ใหญ่แค่ไหน ผบ.ตร.จะกล้าหรือไม่ที่จะบอกต่อสังคม งานนี้ก็ได้แต่ต้องติดตามอย่ากะพริบตา.
** “ต้อม” ผู้กำกับเลว เปิดคลับเฮาส์ขยี้ดรามาเงินบริจาคอาหารแมว-หมู ของ แม่นาค “ทราย เจริญปุระ” งานนี้เละทั้งคู่
เรียกว่าเป็นดรามาของ “เซเลบม็อบ 3 นิ้ว” โดยแท้
ท่ามกลางหมู่สลิ่ม-กองแช่งที่กดไลก์กันรัวๆ ที่ “ศึกสาวไส้” ระหว่าง ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับหนังชื่อดัง ที่ใช้ชื่อบัญชี “ผู้กำกับเลว” ในโซเชียล กับ “แม่ยกทราย” อินทิรา เจริญปุระ นักแสดงสาวที่โด่งดังจากบท “แม่นาค” ที่ติ่ง 3 นิ้วยกให้เป็น “แม่ยกแห่งชาติ” ดูแลท่อน้ำเลี้ยงเงินบริจาคของม็อบร่วมกับคนใกล้ชิดอย่าง “เฮียบุ๊ง” ปกรณ์ พรชีวางกูร ที่ยิ่งมายิ่งสนุก
งานนี้ “ผู้กำกับเลว” ได้ใช้แพลตฟอร์มฮิตตอนนี้ เปิดห้อง Clubhouse ในชื่อตอนว่า “Q&A: ‘แป้ง แอมมี่ ทราย’ ที่กูรู้จัก” โดยเชิญสมาชิกคลับเฮาส์ที่อยู่ฝั่งทรายมา 2 คน ร่วมพูดคุยและเพื่อนของ “แอมมี่ บอตทอมบูลส์” ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 และวางเพลิงเผาทรัพย์ ที่ถูกจองจำอยู่ในคุกมาร่วมพูดคุยด้วย
เห็นว่า มีผู้เข้าฟังจนจบเซสชันประมาณ 4,400 คน จำนวนนี้มีเซเลบอย่าง “ปวิน เกียวโต” ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ และ “โบว์ 3 นิ้ว” ณัฏฐา มหัทธนา ก็มาร่วมฟังด้วย
ฟังว่า คนที่เข้ามาฟังต่างกระหายใคร่อยากรู้ว่า “เฮียต้อม” จะมีทีเด็ดอะไรมาแฉอีกฝั่ง หลังจากปล่อยทีเซอร์ออกมายั่วให้อยากว่า
“หนังยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพนักแสดง แค่ครึ่งเรื่อง นักแสดงยังออกมาไม่ครบ ระหว่างนี้ขอแนะนำให้หยุดให้อาหารแมวอาหารหมูกันก่อน ซึ่งคาดว่า เป็นการพูดถึงเพื่อเรียกร้องให้ช่วยเหลือแม่แอมมี่ ที่สู้เพียงลำพังไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนที่กุมเงินบริจาคของม็อบ 3 นิ้ว อย่างทราย รวมทั้งยังมีประเด็นเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่ แอมมี่ ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ ถูกจับกุมในคดีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งเพื่อนแอมมี่ สมรนนท์ แย้มอุทัย หรือ แป้ง ศิลปินกราฟิตี ฉายา Headache Stencil โพสต์ข้อความพาดพิงถูกกล่าวหาจากพวกเดียวกันว่า เป็น “สายตำรวจ”
แน่นอนว่า เนื้อหาบนเวทีพูดคุยคลับเฮาส์ของ “เฮียต้อม” ก็เป็นไปตามคาดของผู้ฟัง รายการสาวไส้พฤติการณ์ของอีกฝ่ายก็ออกจากปากผู้กำกับดัง พร้อมๆ กับ “ฝั่งคุณแม่ทราย” คอยแก้ต่าง ด้อยค่ากันไป
ขณะที่กองเชียร์ทั้งสองฝั่งต้องออกมาเปิดศึกด่าทอกันในแพลตฟอร์มโซเชียลอื่น เช่น ทวิตเตอร์กันอย่างร้อนระอุ พร้อมๆ กับเปิดห้องใหม่ ในคลับเฮาส์ ในชื่อว่า “ใครก็ได้ บอกห้องยุดเลิดปิดห้องเถอะ” มี “เจ๊ปวิน” ตามมาเข้าร่วมอีก
ทั้งยังวิพากษ์ด้วยว่า การให้ข้อมูลของเพื่อนของแอมมี่ ทำให้เสียรูปคดี
ก่อนหน้าที่เวทีจะเริ่ม คนที่ตกเป็นเป้า อย่าง “เจ๊ทราย” ได้ ทวีตข้อความว่า “เจอกันประมาณสามครั้ง คุยนานที่สุดตอนมาคุยเรื่องโปรเจกต์หนังระดมทุน กับตอนที่น้องที่เรารู้จักถามเรื่องวิธีระดมทุนแล้วเป็นประเด็น นอกนั้นก็สวัสดีกันตอนเจอหน้า ไม่แน่ใจว่ารู้จักตอนไหนหรือแบบไหน แจ้งไว้ให้ทราบเผื่อเป็นข้อมูลประกอบการฟังนะคะ ขอไปบางกลอยก่อนค่ะ”
ขณะที่ “เฮียบุ๊ง-ปกรณ์” ท่อน้ำเลี้ยง ฝ่ายสนับสนุนทราย ออกมาบอกว่า ต้อม ผู้กำกับผูกใจเจ็บ ทราย เจริญปุระ เพราะไม่ร่วมแสดงหนังกับโปรเจกต์หนังขอทุนบริจาค 100 ล้านของ ต้อม จึงออกมาโจมตีทราย
เอาเป็นว่า ถึงตรงนี้ ดรามาอาหารแมวอาหารหมู เงินบริจาค และ การทำงานเบื้องหลังม็อบจะถูกขุดคุ้ยไม่จบแน่ สำหรับ “กลุ่มเซเลบม็อบ 3 นิ้ว” กับหนังเรื่องนี้ บานปลายเป็นหนังชีวิตม้วนยาวๆ ไปแล้ว ต่างฝ่ายต่างกุมความลับซึ่งกันและกัน จ้องจะแฉกันออกมาก็บันเทิงสำหรับผู้ชมให้ตามติดกันต่อ
แต่นาทีนี้ ก็ต้องบอกว่า สองฝ่ายผู้กำกับ ต้อม และ นักแสดง ทราย พังและเละทั้งคู่