วันนี้ (10 ม.ค.)นายธวเดช ภาจิตรภิรมณ์ หัวหน้ากลุ่มแนวทางใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในภาคใต้ว่า ตนในฐานะคนใต้และจัดตั้งกลุ่มแนวทางใหม่ขึ้นมา ซึ่งในอนาคตหากมีการรับรองจากกกต.จะเป็นพรรคแนวทางใหม่ เพื่อทางเลือกใหม่แก่พี่น้องประชาชน โดยสิ่งแรกที่ตนมุ่งหวังอยากมีส่วนร่วมในการผลักดันคือการพัฒนาภาคใต้ ภูมิภาคที่สมบูรณ์ด้านธรรมชาติ และช่วงสิบปีที่ผ่านมาภาคใต้หยุดนิ่ง ทั้งด้านเศรษฐกิจท่องเที่ยวและการมีส่วนร่วมของประชาชน คนใต้จะคุ้นชินกับคำนี้ดี นี่คือถ้อยคำแห่งความภาคภูมิใจในวิถีนักสู้จากดินแดนไกลปืนเที่ยงในอดีต เพราะนอกจากคนของหลวงที่ส่งมาจะไม่ใส่ใจใยดีประชาชนในพื้นที่แล้วกลับยังจะใช้อำนาจบาทใหญ่ขูดรีดรังแกเอาเสียอีก
นายธวเดช กล่าวต่อว่า หัวใจคนใต้เมื่อเจอแบบนี้ก็ไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายเมื่อคุมยากเข้าก็เลยเริ่มดึงมาเป็นพวกให้ตำแหน่งให้ควบคุมดูแลกันเองบ้างว่ากันไป ต่อมาเมื่อเหตุบ้านการเมืองเริ่มคลี่คลาย ก็ถูกดึงไปเป็นฐานทางการเมืองโดยเฉพาะพรรคเก่าแก่พรรคหนึ่ง ไปสร้างฐานผ่านความเหนียวแน่นในวิถีพวกพ้องขึ้นมาจนได้เสียงมากเข้าก็พอต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกับเขาได้บ้าง โดยเฉพาะยุคป๋าที่เป็นคนใต้เหมือนกัน โครงการพัฒนาจึงเริ่มเข้าพื้นที่พร้อมๆกับเศรษฐกิจปักษ์ใต้ที่พอลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้บ้าง
“เมื่อเวลานานวันผ่านไป ไอ้ระบบพวกพ้องอุปถัมป์นี้ก็เริ่มออกฤทธิ์เพราะยิ่งกลายเป็นช่องทางต่อรองตำแหน่งและกอบโกยเข้ากระเป๋าตัวเองหรือแบ่งปันกันเฉพาะในเครือข่าย สร้างอิทธิพลครอบคลุมไปตามพื้นที่ จนทำภาคใต้ให้เป็นดินแดนสนธยาที่ถูกปล่อยปละต้องใช้ชีวิตกันประหนึ่งยังอยู่ในยุคคาวบอยย่านเท็กซัส มีเสียงกับกลิ่นควันปืนโขมงแบบต้องมีเป็นข่าวทุกวัน พวกเขาปล่อยให้คนใต้อยู่กันแบบนี้มานานจนหมดสภาพ จากภูมิภาคที่เคยรุดหน้าทางเศรษฐกิจก็กลายเป็นเมืองที่หยุดนิ่งสำหรับชาวบ้านนานเป็นสิบๆปี งบประมาณที่เหมือนลงมา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ถึงมือพี่น้องประชาชน ที่รวยเอารวยเอาก็มีแต่นักการเมืองกับนายทุนขยันมากอบโกยเอากับฐานทรัพยากรที่สมบูรณ์พร้อมในแทบทุกด้าน”นายธวเดช กล่าว
นายธวเดช กล่าวต่อว่า ถึงตอนนี้ตนก็ไม่รู้ว่าคนใต้เองจะรู้ตัวแล้วหรือยังว่าเขากำลังเอาความรักพวกพ้องแบบโหมวเราไปทำหากินในหมู่พวกเขาไม่กี่คนแล้วทิ้งแค่คำเท่ๆไว้ให้ภูมิใจ อย่างนายกฯคนใต้บ้าง รัฐมนตรีคนใต้บ้าง ซึ่งมันก็เท่านั้น เพราะสุดท้ายคนใต้กลายเป็นแต่ลูกจ้างตามสวนยาง สวนปาล์ม หรือรีสอร์ทโรงแรมที่พวกเขานั่นแหล่ะเป็นเจ้าของ แต่โอกาสที่พวกเราจะขยับขึ้นไปเป็นเจ้าของเองบ้างนั้นแทบไม่มี ล่าสุดตน เริ่มเห็นปรากฏการณ์แปลก ๆเหมือนกัน นั่นคือการถอนเสาไฟฟ้าในรอบหลายสิบปี ปรากฏการณ์นี้เริ่มมาตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งก่อนจนมาถึงการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อไม่กี่วันก่อน
“มองตอนแรกก็เหมือนจะดีว่าคนใต้เราอยากพอแล้วกับระบบแบบนี้ แต่ดูไปดูมา ลึกๆแล้วก็เป็นแค่การย้ายฝั่งของระบอบอุปถัมป์เดิมไปสู่ระบอบอุปถัมป์ใหม่ในอีกค่ายหนึ่งเท่านั้น เพราะหากมองไปที่ใบหน้าเจ้าของเบื้องหลังชัยชนะคนที่ไปไหว้พี่หลวงไข่มานั้น บอกได้เลยว่านี่ก็คือการเปลี่ยนจากนายหัวเป็นนายห้างใหญ่สไตล์ผู้มากบารมีจากทางเหนือและในรัฐบาลเวลานี้ จึงน่าจะใจป้ำแบบมีทั้งงบประมาณและอำนาจรัฐหนุนหลังเต็มที่ เรียกได้ว่าสวามิภักดิ์แล้วก็คงเปรม แต่ก็ไม่รู้ว่าคนอย่างไอ้เท่ง ไอ้หลำ ไอ้หนูนุ้ย จะได้อะไรกับเขาบ้าง”นายธวเดช กล่าว
นายธวเดช กล่าวต่อว่า หากการถอนเสาไฟฟ้าของคนใต้เป็นแค่การย้ายค่ายในระบอบอุปถัมป์แบบเดิม อนาคตของภาคใต้ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจากเปลี่ยนกลุ่มรับผลประโยชน์ ดังนั้น ตนคิดว่าแค่การถอนเสาไฟฟ้าสำหรับคนใต้คงไม่พอ แต่จะต้องมองให้ยาวขึ้น เพื่อหาทางเลือกใหม่และแนวทางใหม่ให้ได้ ซึ่งหากมีโอกาสเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็อยากชวนให้ใช้โอกาสนี้ในการเปลี่ยนปักษ์ใต้บ้านเรากันดีกว่า