กลุ่มครูโคราช ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ถูกไล่ออกจากปม ป.ป.ช.ชี้มูลคดีสนามฟุตซอล ยันไม่ได้ช่วยเหลือ-ร่วมมือนักการเมือง วอน ป.ป.ช.พิจารณาหลักฐานใหม่พร้อมทบทวนมติ ขอ สพฐ.ระงับออกคำสั่งให้ออกไว้ก่อน
วันนี้ (9 มี.ค.) กลุ่มผู้แทนชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครู จังหวัดนครราชสีมา นำโดยนายปิยพัชร์ เดชจรรยา พร้อมด้วยข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสำนักงานพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 1 (สพป.นม1), สพป.นม.2, สพป.นม.3, สพป.นม.4, สพป.นม.5, สพป.7 และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31 (สพม.31) ซึ่งได้รับผลกระทบจากการถูกไล่ออกจากราชการ รวมถึงคนที่มีแนวโน้มว่าจะมีการออกคำสั่งไล่ออก จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติชี้มูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ เกี่ยวกับกรณีสนามฟุตซอล ทำให้ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด สพป.นม.2 และข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด กศน. ถูกไล่ออกรวม 7 คน และมีแนวโน้มจะมีคำสั่งไล่ออกอีก 56 คน
โดยทางกลุ่มยืนยันว่า การชี้มูลกรณีดังกล่าวของ ป.ป.ช.ไม่เป็นธรรม เป็นการชี้มูลในลักษณะเหมารวม จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการ 5 ประเด็น คือ 1. ใช้อำนาจเชิญประธาน ป.ป.ช.ร่วมประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางเพื่อการพิจารณาทบทวนมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ดังกล่าว โดยพิจารณาพยานหลักฐานใหม่ที่ทางกลุ่มได้ยื่นไว้กับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 2. ขอให้ใช้อำนาจเสนอแนะให้ สพฐ.ระงับการออกคำสั่งทางปกครองในส่วนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ดังกล่าวไว้ก่อน จนกว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะพิจารณาทบทวนมติแล้วเสร็จ 3. ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแสวงหาข้อเท็จจริง เรื่องปัญหาข้อกฎหมาย กรณี ป.ป.ช.ใช้เวลาไต่สวนและวินิจฉัยในคดีดังกล่าวเกินกว่ากำหนดเวลาที่ใน กฎหมาย ป.ป.ช. และให้คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัย 4. ขอให้เสนอเรื่องไปยังศาลปกครองเพื่อวินิจฉัยว่าคำสั่ง สพฐ.ในการลงโทษไล่ออกดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และ 5. ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่าคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 21/2563 เรื่องแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมาย ป.ป.ช. เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่
อย่างไรก็ตาม อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา ที่ถูกไล่ออก ต่างยืนยันว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริตมาโดยตลอด และเข้าใจว่าในกรณีดังกล่าวเป็นงบประมาณตามปกติของ สพฐ. และการดำเนินการก็ทำตามระเบียบ ไม่มีเจตนาที่จะทำเรื่องผิดกฎหมาย ไม่เคยมีการรวมกลุ่มกันช่วยเหลือใคร และไม่มีการร่วมมือกับนักการเมืองแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในส่วนของพยานหลักฐานใหม่เป็นบางอย่างเป็นหลักฐานเดิมที่มีการรวบรวมให้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นหลักฐานใหม่อย่างเรื่องที่ผู้รับจ้างในโครงการมีการปลอมเอกสาร เป็นต้น
ด้าน พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า หลังจากนี้จะรวบรวมข้อมูลและเสนอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณารับเรื่องโดยเร็วที่สุด ซึ่งก็จะต้องพิจารณาเรื่องการใช้อำนาจขององค์กรอิสระที่ถูกร้องว่าเป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ หรือเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายอื่น หากเป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญก็จะถือว่าเป็นที่สุด ผู้ตรวจการแผ่นดินจะไม่มีอำนาจ แต่หากเป็นใช้ใช้อำนาจตามกฎหมายอื่น ผู้ตรวจการแผ่นดินก็มีอำนาจในการพิจารณา
