“สุภรณ์” ขอร้องฝ่ายค้านเลิกแถลงตำหนินายกฯ หันมาทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง ม็อบ 3 นิ้วควรยุติการชุมนุม เพราะไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง พร้อมกับเห็นด้วยนายกฯ ที่ฝากให้ทุกภาคส่วนหันมารักสามัคคี ไม่แตกแยก เคารพกฎหมาย
วันนี้ (7 มี.ค.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวเห็นด้วยกับนายกฯ ที่ฝากผ่าน PM PODCAST ให้รักสามัคคี ไม่แตกแยก เคารพกฎหมาย ป้องความขัดแย้ง ตนเองมองว่ายิ่งสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังประสบกับปัญหาโควิด-19 จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน ทั้ง ส.ส.รัฐบาล ส.ส.ฝ่ายค้าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ขณะนี้ยังคงมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ควรเห็นแก่ประเทศชาติประชาชน ไม่ควรเล่นการเมืองมากเกินไปจนบ้านเมืองบอบช้ำเสียหายซึ่งไม่เป็นผลดีเลยสักนิดเพราะประเทศชาติเป็นของพวกเราทุกคนที่ต้องช่วยกันดูแลรักษาให้เจริญรุ่งเรือง
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ยังออกมาบอกแล้วว่าไม่อยากให้มีการชุมนุมเกิดขึ้น มีอะไรก็มาพูดจากัน อยากได้อะไรก็มาว่ากัน ดังนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมก็ควรที่จะหันมาพูดคุยกันดีๆ ตนเองมั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมที่จะรับฟังแต่จะข้อเสนอต้องอยู่ภายใต้ของกฎหมายด้วย
นายสุภรณ์ระบุว่า ที่ผ่านมานายกฯ และรัฐบาลพยายามทำทุกวิถีทางและทำงานอย่างเต็มที่เพื่อที่จะหามาตรการต่างๆ ออกมาให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งมาตรการที่จะทำให้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งขณะนี้ก็เห็นแล้วว่าจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงมาก ขณะเดียวกันก็มีมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนซึ่งได้ทุ่มเทลงสู่ประชาชนเยียวยาทุกกลุ่มจนเป็นที่พอใจอย่างมาก
“ขณะนี้บ้านเมืองกำลังเดินหน้าได้ดี จึงขอเรียกร้องไปยังทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้านที่แม้ว่าจะไม่อยากช่วยรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา แต่ขอให้เบาๆ ในการแถลงข่าวที่มีแต่จะตำหนินายกฯ เพียงอย่างเดียว และยังทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดในตัวนายกฯ และรัฐบาล ในข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไม่เป็นความจริง ยิ่งจะทำให้ประชาชนสับสนเกิดความแตกแยกความสามัคคีได้
ขณะเดียวกัน ขอร้องกลุ่มผู้ชุมนุมควรยุติการชุมนุมเสีย เพราะที่ผ่านมาได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่ทำมาหากินเป็นอย่างมาก เพราะประชาชนเหล่านั้นบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องด้วย ต้องพลอยมาเดือดร้อนเพราะกลุ่มผู้ชุมนุม อีกทั้งการชุมนุมก็ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่สงบ ล่าสุดยังมีการชุมนุมมีการเผาขยะริมรั้วศาลอาญา ใช้สีสเปรย์พ่นบนถนน ทุบรถตำรวจ และไล่ตีตำรวจ ไม่ใช่ม็อบที่ชุมนุมสงบสันติตามที่บางคนกล่าวอ้าง มีแต่จะสร้างแต่ความรุนแรง ไม่ยึดหลักกฎหมายบ้านเมือง เรื่องแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติบ้านเมืองเลย ยิ่งเป็นการซ้ำเติมเผาบ้านตัวเองหนักขึ้นไปอีก ควรมีจิตสำนึกรักบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองให้มากกว่านี้ เพราะประเทศนี้แผ่นดินนี้เป็นของพวกเราทุกคนมิใช่หรือ จะมาทำลายย่ำยีประเทศเสมือนหนึ่งทุบหม้อข้าวหม้อแกงตัวเองให้เสียย่อยยับไปเพื่ออะไร ไม่มีฝ่ายไหนเป็นผู้ชนะ มีแต่ความพ่ายแพ้เสียหายคือประเทศชาติ ประชาชนของพวกเราต้องมารับชะตากรรมมิใช่หรือ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจที่สุด”