xs
xsm
sm
md
lg

"การเมือง"สั่งเผา พระบรมฉายาลักษณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แอมมี่ ไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์
เมืองไทย 360 องศา



ตอนแรกนึกว่าคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน หลังจากที่ทางตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุเผาพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณหน้าเรือนจำคลองเปรม เมื่อตอนเช้ามืด วันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และต่อมามีการจับกุมผู้ต้องหาแล้ว 1 รายคือ นายไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ หรือ“แอมมี่”โดยมีการแจ้งข้อหาหนักอย่างน้อย 3 ข้อหา คือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

แน่นอนว่าพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ ถือว่ากระทำที่ย่ำยีความรู้สึกของคนไทยจำนวนมากที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้ง ที่ผ่านมา ผู้ต้องหารายนี้ยังกระทำในลักษณะลบหลู่ หยามพระเกียรติมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการก่อเหตุและการจับกุมครั้งนี้ จะทำให้ผู้ต้องหารายนี้แทบจะไม่มีโอกาสได้รับการประกันตัวออกมาระหว่างการพิจารณาคดี เหมือนกับกรณีที่เกิดขึ้นกับ 4 แกนนำกลุ่ม “ม็อบสามนิ้ว”ที่ศาลไม่ให้ประกันตัว ด้วยเหตุผลมีพฤติกรรมไม่เกรงกลัวกฎหมาย ย่ำยีความรู้สึกของประชาชนที่รักสถาบันฯ นั่นคือมีพฤติกรรมในลักษณะกระทำผิดซ้ำอยู่ตลอดเวลา ทำให้คาดเดาได้ไม่ยากว่ากรณีของนายไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ คนนี้จึงน่าจะออกมาแบบเดียวกัน

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากันไปมากกว่านั้นก็คือ จากการให้ข้อมูลของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทั้งการให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม และก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ได้ระบุชัดว่ามี“การเมือง”บงการอยู่เบื้องหลัง และมีหลักฐานชัดเจน โดยเฉพาะ“เส้นทางการเงิน”ที่เชื่อมโยง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีจับกุมตัว นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ ว่าคณะทำงานกระทรวงยุติธรรมมีหลักฐานชัดเจนในการกระทำผิด ข้อมูลที่ส่งให้ตำรวจเป็น“หลักฐานเชิงลึก” ที่ระบุผู้ก่อเหตุวางเพลิงได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ข้อมูลจากกล้องซีซีทีวีอย่างเดียว แต่คงไม่สามารถเปิดเผยถึงข้อมูลเชิงลึกได้ เพราะเป็นฐานข้อมูลจากดาต้าเบส คดีอยู่ในสำนวนสอบสวนของตำรวจ และมีหลักฐานชัดเจน ถ้าไม่ชัดเจน ก็ไม่กล้าพูด


อย่างไรก็ตาม สำหรับดาต้าเบส ที่ใช้แกะรอยกลุ่มของนายแอมมี่ ที่ไปก่อเหตุหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นอกจากฐานข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือที่เชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลต่างๆ แล้วยังมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินในลักษณะเดียวกับการตรวจสอบข้อมูลของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดด้วย

จากการให้ข้อมูลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยังระบุว่า โดยการตามภาพจากกล้องวงจรปิดไปจนถึงที่พัก และพบว่ามีความ “เชื่อมโยงทางการเมือง”ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม หลังจากที่ได้ทราบถึงกลุ่มบุคคลที่ลงมือก่อเหตุวางเพลิง จึงได้สั่งการให้คณะทำงานเฉพาะกิจชื่อว่า “คณะทำงานพาลีปราบยา”ของกระทรวงยุติธรรม ช่วยทำการสืบสวนเชิงลึกในกรณีดังกล่าว

“ทำให้ในขณะนี้เราได้ข้อมูลสำคัญที่ทำให้ทราบถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุดังกล่าว รวมถึงได้ข้อมูลสำคัญที่ทำให้ทราบถึงบุคคลและกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการเผยแพร่ภาพดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียด้วย คาดว่าจะสามารถออกหมายจับดำเนินคดีได้ ทั้งกลุ่มผู้ลงมือ กลุ่มผู้ร่วมขบวนการ และตัวการสำคัญในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน”

นายสมศักดิ์ กล่าาวว่า กระทรวงยุติธรรมมีคณะทำงานเฉพาะกิจ คือ "พาลีปราบยา" จึงให้ช่วยสืบสวนข้อมูลเชิงลึก ทำให้ทราบถึงผู้บงการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ รวมถึงคนเผยแพร่ข้อมูลความมั่นคงลงในโลกโซเชียลฯ การสืบสวนในครั้งนี้ทำให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์มากขึ้นในการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด เพราะจากข้อมูลของตำรวจเกี่ยวกับผู้กระทำผิดมีหลักฐานที่ชัดเจนทำให้เราสืบต่อไปได้ เรื่องนี้ยอมไม่ได้ เพราะเป็นความผิดที่ร้ายแรง ทั้งการบุกทำลายทรัพย์สินของราชการในยามวิกาล และเรือนจำกลางคลองเปรม เป็นสถานที่ความมั่นคงสูง รวมถึงการนำข้อมูลความมั่นคงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ข้อหาเหล่านี้เป็นข้อหาหนัก เราต้องนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่างโดยเร็ว

พร้อมทั้งย้ำว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวผู้บงการแล้ว เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนมาก ซึ่งจะมีการออกหมายจับต่อไป

ดังนั้น หากพิจารณาจากจากข้อมูลและแนวทางการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทั้งจากฝ่ายตำรวจ และหน่วยงานสืบสวนของกระทรวงยุติธรรม ทำให้ทราบว่าการลงมือของ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ มีการกระทำกันเป็นขบวนการ มี“การเมือง”อยู่เบื้องหลังชักใยสั่งการ โดยมีหลักฐานจากเส้นทางการเงิน ผ่านการตรวจสอบทั้งทางโทรศัพท์มือถือ และจากฐานข้อมูลที่เรียกว่า “ดาต้าเบส”ทำให้เห็นการเชื่อมโยงถึงกัน โดยเฉพาะการสืบสวนในลักษณะเดียวกันกับการ “ฟอกเงิน”ของบวนการค้ายาเสพติด ที่มีพฤติกรรมอันซับซ้อน แต่กรณีของ นายไชยอมร น่าจะเป็นการลงมือที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้มากพอสมควร ทำให้เจ้าหน้าที่ตามสืบค้นได้ไม่ยากนัก

อย่างไรก็ดี ที่น่าจับตาก็คือ เป็น“กลุ่มการเมือง”ไหนที่อยู่เบื้องหลัง หรือสั่งการให้ลงมือในครั้งนี้ ซึ่งจากการให้ข้อมูลของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่บอกว่าจะมีการออกหมายจับตามมาอีกชุดหนึ่ง มันน่าจะเป็นการเมืองกลุ่มไหน หรือพรรคการเมืองไหน ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงจะมีการคาดเดากันอยู่ในใจอยู่แล้ว หากพิจารณาจากการเคลื่อนไหวคู่ขนานกันไปกับกลุ่ม “ม็อบสามนิ้ว”มาตลอด

ก็ต้องติดตามอย่ากระพริบตาว่า จะมีการจับกุมกันอีกชุดใหญ่ เป็นการ“กวาดให้หมดกระดาน”หรือเปล่า !!



กำลังโหลดความคิดเห็น