xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ชะลอขยายเกษียณอายุ อนุมัติอัตรา ขรก.ตั้งใหม่ ก.เกษตรฯ 72 อัตรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทีมโฆษกรัฐบาล แถลง ครม.เห็นชอบชะลอการขยายเกษียณอายุราชการ พร้อมอนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 72 อัตรา

วันนี้ (2 มี.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้แก่ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวม 72 อัตรา ประกอบด้วยกรมปศุสัตว์ จำนวน 30 อัตรา เป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปฏิบัติการหรือชำนาญการ 25 อัตรา มีค่าใช้จ่ายด้านบุคคลเพิ่มขึ้นปีละ 7,498,800 บาท และนักวิทยาศาสตร์ ปฏิบัติการหรือชำนาญการจำนวน 5 อัตรา และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 42 อัตรา แยกเป็น นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการหรือชำนาญการ 29 อัตรา นักตรวจสอบความปลอดภัยด้านการบินปฎิบัติการหรือชำนาญการ 5 อัตรา วิศวกรไฟฟ้า 3 อัตรา และนายช่างอากาศยาน 5 อัตรา มีค่าใช้จ่ายด้านบุคคลเพิ่มขึ้นปีละ 10,180,920 บาท รวม 2 หน่วยงานมีค่าใช้จ่ายด้านบุคคลเพิ่มขึ้นปีละ 17,679,720 บาท

ด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 มีสัดส่วนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ และจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ. 2573 ดังนั้น ทุกภาคส่วนจึงต้องมีแผนรองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งในส่วนของข้าราชการพลเรือน ทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารบุคลากรภาครัฐ ได้ดำเนินการศึกษาแนวทางการขยายอายุเกษียณราชการ ตามแผนปฏิรูปประเทศด้านสังคมมาระยะหนึ่งแล้ว โดยกำหนดสาระสำคัญให้การขยายอายุเกษียณราชการเป็นมาตรการเพื่อรองรับสังคมสูงวัย และสนับสนุนให้บุคลากรภาครัฐมีงานทำหลังเกษียณ รวมถึงการบริหารกำลังคนภาครัฐในช่วงวัยต่างๆ อย่างเหมาะสม ซึ่งแนวทางหนึ่งคือ การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายอายุเกษียณราชการจาก 60 ปี เป็น 63 ปี โดยไม่ครอบคลุมหน่วยงานที่ต้องใช้ศักยภาพทางร่างกาย

อนึ่ง สำนักงาน ก.พ.ได้รับรายงานและข้อเสนอแนะเรื่องการจ้างข้าราชการภายหลังเกษียณอายุ 60 ปี เพื่อรองรับสังคมสูงวัย ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา โดยทางสำนักงาน ก.พ.ได้จัดให้มีการประชุมพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีข้อสรุปดังนี้

1. เห็นด้วยกับการชะลอการขยายเกษียณอายุราชการตามแผนปฏิรูปประเทศด้านสังคม (จากเกษียณอายุ 60 ปีเป็น 63 ปี) เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงระบบการคลังและงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งควรใช้จ่ายงบประมาณที่มีจำกัดเพื่อให้เกิดการจ้างงานกลุ่มเปราะบางก่อนเป็นอันดับแรก และเมื่อสามารถจัดการสถานการณ์โควิด-19 ได้แล้วจึงนำกลับมาพิจารณาใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป

2. เห็นด้วยกับการจ้างงานเพื่อใช้ศักยภาพข้าราชการเกษียณ ที่เสนอให้มีการกำหนดทางเลือกที่หลากหลายในการจ้างงานข้าราชการที่เกษียณอายุราชการควบคู่ไปกับมาตรการขยายอายุเกษียณ ทั้งนี้ ให้พิจารณาตามความจำเป็นและความต้องการบุคลากรในแต่ละตำแหน่งสาขา เช่น ตำแหน่งที่ขาดแคลนกำลังคน ตำแหน่งที่ต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และให้พิจารณาจ้างข้าราชการเกษียณอายุในรูปแบบอื่นๆ เช่น การจ้างเหมาบริการ การรับงานไปทำที่บ้าน เป็นต้น

3. เห็นด้วยกับการศึกษาเพื่อปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญของข้าราชการส่วนท้องถิ่น โดยหน่วยงานผู้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวได้มีการเตรียมความพร้อมและวิเคราะห์ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง และจะได้มีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลและแนวทางการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดรับกันต่อไป

น.ส.รัชดากล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำความสำคัญของการบริหารบุคลากรภาครัฐในภาพรวม ซึ่งต้องพิจารณาดำเนินการในหลายมิติควบคู่กันไปทั้งการลดกำลังคน การส่งเสริมบุคลากรคนรุ่นใหม่ การจ้างงานข้าราชการเกษียณที่มีศักยภาพในตำแหน่งขาดแคลน และการเตรียมรับสังคมสูงวัย


กำลังโหลดความคิดเห็น