“สมศักดิ์” เผยรู้ตัวคนบงการวางเพลิงหน้าเรือนจำคลองเปรมแล้ว หลังสั่ง “ชุดพาลีปราบยา” สืบเชิงลึก เตรียมขอหมายจับ ระบุโทษหนักหลายข้อหา ทั้งทำลายทรัพย์สิน-บุกรุกสถานที่ราชการยามวิกาล-โพสต์ข้อมูลความมั่นคง
วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 08.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการติดตามกรณีคนร้ายวางเพลิงป้ายและทำลายทรัพย์สินบริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรมว่า หลังจากที่กรมราชทัณฑ์ไปแจ้งความเอาผิดต่อผู้กระทำผิด และตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ทางตำรวจได้เก็บหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดของเรือนจำที่สามารถจับภาพคนร้ายได้ มีผู้ต้องสงสัย 3 คนเป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน โดยการตามภาพจากกล้องวงจรปิดไปจนถึงที่พักและพบว่ามีความเชื่อมโยงทางการเมือง ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมหลังจากที่ได้ทราบถึงกลุ่มบุคคลที่ลงมือก่อเหตุวางเพลิง จึงได้สั่งการให้คณะทำงานเฉพาะกิจชื่อว่าคณะทำงานพาลีปราบยา ของกระทรวงยุติธรรม ช่วยทำการสืบสวนเชิงลึกในกรณีดังกล่าว ทำให้ในขณะนี้เราได้ข้อมูลสำคัญที่ทำให้ทราบถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุดังกล่าว รวมถึงได้ข้อมูลสำคัญที่ทำให้ทราบถึงบุคคลและกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการเผยแพร่ภาพดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียด้วย คาดว่าจะสามารถออกหมายจับดำเนินคดีได้ทั้งกลุ่มผู้ลงมือ กลุ่มผู้ร่วมขบวนการ และตัวการสำคัญในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
นายสมศักดิ์กล่าาวว่า กระทรวงยุติธรรมมีคณะทำงานเฉพาะกิจ คือ พาลีปราบยา จึงให้ช่วยสืบสวนข้อมูลเชิงลึก ทำให้ทราบถึงผู้บงการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ รวมถึงคนเผยแพร่ข้อมูลความมั่นคงลงในโลกโซเชียลฯ การสืบสวนในครั้งนี้ทำให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์มากขึ้นในการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด เพราะจากข้อมูลของตำรวจเกี่ยวกับผู้กระทำผิดมีหลักฐานที่ชัดเจนทำให้เราสืบต่อไปได้ เรื่องนี้ยอมไม่ได้เพราะเป็นความผิดที่ร้ายแรง ทั้งการบุกทำลายทรัพย์สินของราชการในยามวิกาล และเรือนจำกลางคลองเปรมเป็นสถานที่ความมั่นคงสูง รวมถึงการนำข้อมูลความมั่นคงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ข้อหาเหล่านี้เป็นข้อหาหนัก เราต้องนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่างโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าขณะนี้ได้ตัวผู้บงการแล้วใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็ต้องบอกว่ารู้ โดยจะส่งข้อมูลไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในการออกหมาย เมื่อถามว่าจะไปดำเนินการแจ้งความที่ ปอท.หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจท้องที่