xs
xsm
sm
md
lg

กู่ไม่กลับ! “หมออั้ม” ชี้ จุดเสื่อม 3 นิ้ว ทะลุเพดาน สู่มาเฟีย ปชต. “หมอวรงค์” ซัด “ชาญวิทย์-พนัส” เปิดหน้าหนุนม็อบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ม็อบคณะราษฎร 2563 ที่มีมวลชนเข้าร่วมน้อยลง อย่างเห็นได้ชัด จากแฟ้ม
อย่างนี้นี่เอง! “หมออั้ม” ชี้ชัด จุดเสื่อม 3 นิ้ว ทะลุเพดานไปไกล ถึง “มาเฟีย ปชต.” ปล่อยเฟกนิวส์ บูลลี่ ล่าแม่มด ดิสเครดิตคนคิดต่าง “ไพศาล” ยกสาระสำคัญ ศาลไม่ให้ประกัน 4 แกนนำ “หมอวรงค์” ซัด “ชาญวิทย์-พนัส” เปิดหน้าแล้ว

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (22 ก.พ. 64) นายอิราวัต อารีกิจ หรือ “หมออั้ม” อดีตนักร้อง และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองแนวร่วมม็อบราษฎร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

“เสียดายม็อบที่เคยจุดติด ในฐานะที่ผมและหลายๆ คนสนับสนุนข้อเรียกร้องให้ประยุทธ์ลาออก สนับสนุนการเริ่มเปลี่ยนแปลงการแก้รัฐธรรมนูญ ฯลฯ จาก “จิ๊กซอว์ชิ้นแรก” ก่อน ในฐานะที่ได้ร่วมบริจาคช่วยคดีม็อบกับศูนย์ทนายสิทธิฯ และอีกหลายองค์กร ในฐานะที่ร่วมบริจาคอุปกรณ์ป้องกันโควิด ทั้งหน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ เป็นตันๆ ให้น้องๆ พี่ๆ เสมอมา ขอพูดตรงนี้ว่า มีหลายคนคิดแบบผม คือ “เสียดาย” มากครับ

เสียดาย..แต่ไม่หมดหวัง ยังคอยให้กำลังใจในจุดที่เคยสนับสนุนจุดยืน และหลักการผมเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเพดานมันไปไกล และต้องมาเจอ “มาเฟียประชาธิปไตย” ที่ปล่อยเฟกนิวส์รายวัน บูลลี่คนรายคืน คอยล่าแม่มด คอยดิสเครดิตคนคิดต่าง แม้ว่าจะสนับสนุนประชาธิปไตยเหมือนๆ กัน มันทำให้เกิดความเสื่อมในกระบวนการ และเกิดความเสี่ยงกับผู้ชุมนุม หลายคนก็ถอยออกมา เพราะไม่อยากเปลืองตัว คอยมองไกลๆ เอาใจช่วยห่างๆ สนับสนุนเงียบๆ เพราะพูดอะไรไป เห็นต่างตักเตือน ก็โดนบูลลี่ โดนปั่นข่าวปลอมใส่ พาพวกมาลงทัวร์

ภาพ นายอิราวัต อารีกิจ หรือ “หมออั้ม” จากแฟ้ม
ล่าสุด หนักถึงขั้นบิดเบือนจุดยืน บางคนเคยปกป้องสิทธิสตรี สิทธิมนุษยชน แต่กลับมาบูลลี่กันเอง เพียงเพราะ “อคติ” หลักการพังทลายหมด ไม่เหลือ

พลังของประชาชน มีมากมายมหาศาล อย่าไปสบประมาท หรือหมิ่นประมาทเขา บางคนเขาไม่ได้ออกไปม็อบทุกครั้ง แต่เขาก็ช่วยเหลือตลอด ทางอ้อม บางคนเหมารถทัวร์จะมานอนม็อบ ก็ต้องหันหัวรถกลับ เพราะความไม่แน่นอน และข้อเรียกร้องที่ไม่ตรงกัน บางคนเคยเป็นคนที่เราเรียกว่า สลิ่ม แต่ครั้งนี้ออกมาไล่ประยุทธ์ ออกมาไล่รัฐบาลกับเรา พอน้องๆ โดนปั่นให้เปลี่ยนเพดานข้อเรียกร้องในม็อบ มีการบูลลี่ หมิ่นประมาทแบบเกินเลย พวกเขาก็ถอยออกมา พลังมวลชนก็หายไป เราจะเรียกร้องรวมพลังกันได้อย่างไร ถ้าเรายังบูลลี่กันเอง ยังวนเวียนอยู่กับความขัดแย้ง

เชื่อผมเถอะ แบบนี้ไปไม่ได้ไกลแน่ๆ แม้จะเสียดายม็อบที่เคยจุดติด แต่ก็ยังไม่ท้อใจ ที่จะคอยสนับสนุนและแนะนำ ให้กำลังใจต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงต่อไป หลายๆ คนคิดแบบผม แต่ไม่กล้าโพสต์

เพราะกลัวมาเฟีย กลัวอันธพาลออนไลน์ในคราบนักประชาธิปไตยมาวุ่นวาย แต่ผมไม่กลัว และไม่เคยกลัว

นาทีนี้ต้องยอมรับความจริงได้แล้ว ควรรับฟัง และควรเปิดพื้นที่ในใจให้ผู้ร่วมอุดมการณ์เขาได้แสดงออก ได้แนะนำ ได้ร่วมคิดบ้าง ไม่ใช่เอะอะ ก็ทึกทักว่าเขา “หิวแสง” ทั้งที่คนพูด กินแสงไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิ่ม มุมมืดในหัวใจ ไม่เคยสว่างสักที มันย้อนแย้งและทำให้ทุกอย่างแย่ลง ยังมีเวลาตั้งหลัก และลุยต่อครับ

ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจคนฝั่งประชาธิปไตย ตลอดมาและตลอดไป”

ภาพ นายไพศาล พืชมงคล จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol ของ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“ด่วน เป็นไปตามคาด ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว 4 แกนนำม็อบกาเหว่าตามที่ 2 อาจารย์ธรรมศาสตร์ ยื่นขอประกัน

ก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว 4 แกนนำกาเหว่า เพราะเหตุผล 4 ประการคือ

1. ปราศรัยกระทบสถาบัน

2. การปราศรัยกระทบจิตใจประชาชนผู้จงรักภักดี

3. เป็นคดีมีโทษสูงเกรงจะหลบหนี

4. เกรงว่าจะมีการทำความผิดซ้ำซาก

ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการพิจารณาคำขอปล่อยชั่วคราว

ที่ศาลไม่ให้ปล่อยตัวไม่ใช่เพราะฐานะผู้ค้ำประกันไม่น่าเชื่อถือหรือหลักทรัพย์ไม่พอ

ดังนั้น การเปลี่ยนตัวผู้เป็นนายประกันและเพิ่มหลักทรัพย์ จึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งของศาล!!!!”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หรือ “หมอวรงค์” ประธานกลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“#เปิดหน้าออกมาแล้ว
ทราบข่าวว่า วันนี้ อาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และ อาจารย์พนัส ทัศนียานนท์ จะไปยื่นขอประกันตัว 4 แกนนำ ด้วยเงินสด รายละสี่แสนบาท

ผมคิดว่าดีเหมือนกันครับ ที่อาจารย์อาวุโสทั้งสองท่านได้ออกตัวแรง ให้เห็นกันชัดๆ ถ้าจะให้ดีกว่านี้ น่าจะถึงเวลาที่อาจารย์ชาญวิทย์ และ อาจารย์พนัส ต้องออกมาเป็นแกนนำได้แล้วครับ

#ปฏิรูปอาจารย์มหาวิทยาลัย”

ภาพ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ จากแฟ้ม
ทั้งนี้ ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ พร้อมด้วย นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางมายื่นประกันตัว นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยที่ 1-4 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร ซึ่งถูกคุมขังไม่ได้รับการประกันตัวจากคำสั่งศาลอาญาและศาลอุทธรณ์ หลังถูกยื่นฟ้องคดีชุมนุม “19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร” ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญา ม.112, ยุยงปลุกปั่นฯ ม.116 และข้อหาอื่นๆ

โดย นายกฤษฎางค์ ให้สัมภาษณ์ว่า อาจารย์ทั้ง 2 ท่าน เห็นว่า การปล่อยชั่วคราวเป็นประโยชน์ สิทธิในการปล่อยชั่วคราวเป็นสิทธิที่พึงได้รับการพิจารณา เป็นการรักษาไว้ซึ่งหลักการตามรัฐธรรมนูญและกฎบัตรที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกอยู่ คนจะเป็นผู้กระทำความผิดเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุด น่าจะให้โอกาสพวกเขาได้ออกมาต่อสู้

และ นายชาญวิทย์ อ้างว่า อ.พนัส ระบุถึงหลักนิติศาสตร์สากลควรเป็นอย่างไรในแง่คดีความ ส่วนของตนใช้หลักประวัติศาสตร์สากลว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนเชื่อว่า สิ่งที่คนทั้ง 4 กำลังทำอยู่ และคนรุ่นใหม่กำลังทำอยู่ เป็นประวัติศาสตร์สากลของสถาบันพระมหากษัตริย์ทั่วโลก ที่ยังคงอยู่เป็นจำนวนไม่มากนัก เมื่อเทียบกับจำนวนสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ...

“ดังนั้น ผมเชื่อว่า ข้อเสนอของเยาวชนคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่รวมทั้ง 4 ท่าน ที่เรากำลังพูดถึง คือ ข้อเสนอซึ่งถูกต้องตามหลักวิชาการประวัติศาสตร์ ถูกต้องตามประวัติศาสตร์ของสถาบันกษัตริย์ระดับสากล เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องพูดว่า ทั้ง อ.พนัส และผมยินดีมากที่จะเป็นคนที่ช่วยผลักดันในเรื่องนี้”

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ภายหลังยื่นคำร้องขอประกันตัวแล้ว ศาลได้มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยแสดงเหตุผลไว้อย่างชัดแจ้งแล้ว กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า หากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยทั้งสี่ อาจจะไปก่อเหตุภยันตรายเดียวกันกับที่ถูกฟ้องอีก จึงยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ยกคำร้อง นั่นหมายถึงทั้ง 4 คน ต้องถูกขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไปจนกว่าคดีจะเสร็จ

แน่นอน, สิ่งที่น่าทำความเข้าใจให้หนัก ก็คือ ศาลเคยให้ประกันตัวมาแล้วหลายครั้ง และก็มีการทำความผิด ข้อหาเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก และนับวันยิ่งฮึกเหิมท้าทาย โดยแสดงออกต่อสาธารณชนเรื่อยมา จนทำให้ฝ่ายผู้มีความจงรักภักดี ไม่เชื่อว่า พฤติกรรมเหล่านั้น จะเป็นการทำเพื่อความหวังดีต่อสถาบันฯอย่างแท้จริง ตามที่กล่าวอ้าง

หากแต่ดูเหมือน “จงใจ” ดิสเครดิต บิดเบือนข้อเท็จจริง จนเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง เหล่านี้เป็นที่ประจักษ์มาแล้วจากการชุมนุมทุกครั้ง

ทุกอย่างเกิดขึ้นจากทั้ง 4 คน ทำความผิดจริง และการที่ศาลไม่ให้ประกันก็เป็นดุลพินิจที่มีเหตุมีผลเพียงพอ ไม่ใช่เรื่องที่มีคนกลั่นแกล้งรังแกแต่อย่างใด นี่คือ ประเด็น

ดังนั้น ข้ออ้าง “คนจะเป็นผู้กระทำความผิดเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุด น่าจะให้โอกาสพวกเขาได้ออกมาต่อสู้” ก็อย่างที่หลายคนแสดงความเห็น ศาลได้ให้โอกาสอย่างถึงที่สุดแล้วในการให้ประกัน จนแทบถูกมองไม่เป็นธรรมต่ออีกฝ่ายหรือไม่ อยู่แล้ว และการไม่ให้ประกัน ก็เป็นไปตามหลักกฎหมายที่ นายไพศาล พืชมงคล หยิบยกมาให้เห็น ครบถ้วนสมบูรณ์

เหลือก็แต่พวกที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายต้องการปฏิรูปสถาบันฯ ต้องการแก้ ม.112 (กฎหมายว่าด้วยการหมิ่นสถาบัน) ต้องการโชว์เหนือ ความเชี่ยวชาญทางกฎหมาย หาช่องมาบิดเบือน กดดัน กรณีกล่าวอ้างถึง “ความผิด” ที่ยังไม่ถึงที่สุด ถือว่า “ยังไม่มีความผิด” ควรได้ตัวปล่อยตัวชั่วคราว

เรื่องนี้มีผู้รู้บางท่านเห็นว่า ถ้ายึดตามหลักเรื่องนี้ ผู้ต้องหาคงได้ประกันกันหมด โดยเสมอภาพ แล้วใครจะกลัวเกรงกฎหมาย ใครจะอยู่ให้ลงโทษ บ้านเมืองไม่เดือดร้อนไปหมดหรือ??? นี่ก็ทำให้เห็นชัดว่า คนกลุ่มนี้ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ไม่คิดถึงส่วนรวมจะเป็นอย่างไร หวังใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย “ฝ่ายประชาธิปไตย” อะไรลองคิดดู

หรือว่า จะเป็น “มาเฟีย ประชาธิปไตย” อย่างที่ “หมออั้ม” ว่า ก็ไม่รู้สินะ!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น