“ศรัณย์วุฒิ” อัดนายกฯ ทำ 9 เสาบ้านชำรุด อ้างใบเสร็จแฉเอื้อเอกชน ชนะประมูลซื้อรถบัส ทบ. กวาดเงินกว่า 2 พันล. ช่วย 2 เจ้าสัวได้ผลประโยชน์ แลกบ้านแฝดหลังใหญ่ 500 ล. เจ้าตัวปัดทุกข้อหา อัดกลับมั่วใบเสร็จเตรียมพิสูจน์ในศาล
วันนี้ (19 ก.พ.) เวลา 13.40 น. ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายศรัณย์วุฒิ ศรันย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายว่า วันนี้เสาบ้าน 9 ต้นเสื่อมทรุดหมด เริ่มจากต้นที่ 1 รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจ ต้มคนทั้งโลก แต่ต้มคนไทยที่รักประชาธิปไตยไม่ได้ ต้นที่ 2 นิติบัญญัติ ส.ส.นั่งในสภาเต็มเลย แต่พอจะยกมือแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับไปไม่เป็น ต้องมีเสียง ส.ว. กลายเป็นถูกทำหมัน ตายตั้งแต่ยังไม่เกิด ต้นที่ 3 ฝ่ายบริหารล้มเหลว ไร้ผลงาน ต้นที่ 4 ศาลและองค์กรอิสระ บางครั้งต้องดูว่าธงจะไปทางใด เพราะมันถูกสั่งได้ จะเห็นได้ว่ารถถังมันหนักกว่าประชาธิปไตย เอียงกะเท่เร่จนประชาธิปไตยจะหกล้มตีลังกาหมดแล้ว ต้นที่ 5 ชาติ วันนี้ชาติเป็นของประชาชน ผู้มีอำนาจต้องทำให้ประชาชนรักชาติ อย่าให้รู้สึกว่าชาติเป็นของใครบางกลุ่มหรือบางคน ต้นที่ 6 เศรษฐกิจพังพินาศ ประชาชนต้องไปต่อคิว น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก ต้นที่ 7 ศาสนา เราทำนุบำรุงดูแลดีหรือยัง หรือว่าไปส่งเสริมอย่างอื่น เสาต้นที่ 8 สังคมเสื่อมทรุด แตกแยก การศึกษาล้มเหลว มีความเหลื่อมล้ำที่สุด ส่วนเสาต้นที่ 9 ขอเก็บไว้ตอนท้าย
นายศรัณย์วุฒิกล่าวว่า ขอพุ่งเป้าที่กระทรวงกลาโหม และนายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งมีการจัดซื้อรถบัส ประมาณ 429 คัน มูลค่ารวม 2,250 ล้านบาท โดยมีบริษัท อ ชนะการประมูลทุกครั้ง เทคนิคการประมูลจะไม่ซื้อลอตใหญ่ แต่ซอยล็อตเล็กๆ เพื่อผ่านแบบสบายๆ เช่น ซื้อ 512 คันแต่ประมูลแค่ 500 คันก่อนเพื่อไม่ให้เงินเกิน
“การประมูลไม่น่าเชื่อว่าใจดำกับประเทศและงบประมาณแผ่นดิน รถบัสคันหนึ่ง ราคา 4.5 ล้านบาท ลดให้แผ่นดินและภาษีประชาชนแค่ 1 หมื่นกว่าบาท ล็อตนี้มัน 2 พันกว่าล้านบาท ไม่ใช่น้อยๆ ที่ประมูลไปทั้งหมด แก๊งนี้หมื่นกว่าล้านบาท”
นายศรัณย์วุฒิกล่าวว่า ส่วนเทคนิคการเทียบราคาจะเห็นว่าปล่อยให้เป็นบริษัทภรรยากับสามี มาเป็นคู่เทียบตลอด แต่เป็นบริษัทคู่เทียบกำมะลอเพื่อฮั้วประมูล และพบข้อพิรุธทุกขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง มีการซอยย่อยงบประมาณ งบกระทรวงกลาโหมโดยตนจะดำเนินการกับนายกรัฐมนตรีในฐานความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ในมาตรา 10 เนื่องจากละเว้นไม่ยกเลิกการเสนอราคา ขณะที่ธุรกิจด้านการเกษตรและอาหาร พลังงาน สัมปทานเดินรถ สนามบิน และโรงพยาบาลต่างก็มีเจ้าสัวผูกขาด มีการไปกว้านซื้อที่ดินจากที่ตาบอดราคาถูกกลายเป็นที่ตาสว่างที่ราคาเพิ่มขึ้นหลายพันเท่า สามารถทำให้ถนนตัดผ่านที่ผืนนั้นได้ และตอนกว้านซ้อรู้ล่วงหน้าว่าที่ไหนจะมีการพัฒนาและรถไฟฟ้าจะไปตรงไหน ซื้อดักหน้าหมดเลย
นายศรัณย์วุฒิ อภิปรายในตอนท้ายถึงเจ้าสัว 2 คน โดยระบุว่า เจ้าสัว จ. รายแรกที่จะกล่าวถึงมีพฤติกรรมชอบควบรวมกิจการต่างๆ และนิยมเลี้ยงนายทหารที่มีแววตั้งแต่ที่มียศเล็กๆ จนนายทหารเหล่านั้นเติบโต จากนั้นก็จะขอให้เซ็นอนุมัติโครงการต่างๆ นอกจากนี้ ยังร่ำรวยที่ดินเป็นแสนๆ ไร่ วันหนึ่งรัฐบาลมีนโยบายก้าวหน้าจะเก็บภาษีที่ดิน 30เปอร์เซ็นต์ เจ้าสัวรายนี้จึงเดือดร้อน จนกระทั่งวันนี้รัฐบาลเลื่อนเก็บภาษีแล้ว อย่างไรก็ตาม เจ้าสัวยังเลี้ยงนาย จ. ซึ่งแต่ก่อนเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ใน กทม. เมื่อเกษียณอายุก็ได้เข้ามาเป็นประธานกรรมการอยู่ในบริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาเรื่องต่างๆ ให้กับรัฐหลายโครงการ เช่น การต่ออายุศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 50 ปี ไม่มีรัฐบาลใดลงนามให้ แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อนุมัติแล้ว
นายศรัณย์วุฒิยังระบุถึงบ้านแฝดหลังใหญ่ มูลค่า 500 ล้านในหมู่บ้านเดอะรอแยล เรสสิเด้นท์ คิดว่าน่าจะเป็นของขวัญจากเจ้าสัว จ. ตนอยากถามนายกฯว่ารู้จัก “เสี่ยโต้ง” มาเฟียพัทยา ที่ไปปลูกต้นไม้ให้กับบ้านหรูหลังนี้หรือไม่
ส่วนเจ้าสัวรายที่ 2 เคยยื่นซองประมูลรถไฟ และมีธุรกิจอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบันเจ้าสัวได้ควบรวมกิจการต่างๆ 70 เปอร์เซ็นต์ เกินเกณฑ์ที่ ก.ล.ต.กำหนดไว้ว่าห้ามเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งความจริงเจ้าสัวรายดังกล่าวต้องได้รับโทษจำคุกและปรับ แต่ปรากฏว่าเขาเสียแค่ค่าปรับเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กฎ ก.ล.ต.มีข้อกำหนดว่าจะต้องซื้อสินค้าในชุมชน 10 เปอร์เซ็นต์ อยากถามว่าใครจะรู้ มีใครเข้าไปตรวจสอบบ้าง
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า เรื่องบ้านสองหลังตนยังไม่รู้เลยว่าหมู่บ้านอยู่ตรงไหน เป็นของใคร นายศรัณย์วุฒิไปเชื่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างแล้วมาอ้างตรงนี้ ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสังคมจะว่าอย่างไร ก็ระมัดระวังการถูกฟ้องด้วยแล้วกัน ทราบว่าโดนหลายคดีเหมือนกัน ยืนยันว่ารัฐบาลดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมาย และได้ชี้แจงมาหลายครั้ง หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นรถถัง หรืออะไร พูดกี่ครั้งก็พูดแบบเดิม การเจรจาจีทูจี ไม่มีประเทศไหนเป็นไม่เจ้าของกิจการเอง แต่เป็นการรับรองบริษัทในการเจรจา ที่มีรูปตนไปนั้น ไม่ได้ไปซื้อ แต่เป็นการไปเยี่ยมเยียนประเทศเข้าอย่างเป็นทางการ และหลักฐานของท่านที่บอกมีใบเสร็จเยอะแยะนั้น ตนไม่แน่ใจว่าใช่ใบเสร็จถูกต้อง และกฎหมายรับรองหรือไม่ ถ้ายังอ้างอยู่เช่นนี้มันจะวุ่นวายไป เพราะเป็นหลักฐานที่ยังพิสูจน์ไม่ได้
“ที่อ้างว่ามีผู้นำประเทศบอกมา อยากถามว่าประเทศไหน เขาบอกกับท่านมาเอง ท่านมีโอกาสได้ไปพบเขาด้วยตัวองหรือไม่ คนที่มาบอกว่าอย่างโน้นอย่างนี้คือใคร ผมคิดว่าส่วนตัวแล้วท่านไม่มีโอกาสเข้าพบผู้นำเหล่านี้แน่นอน จากตัวตนท่านเองไม่มีทาง” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องรถบัส กองทัพบกเป็นการดำเนินการของกองทัพบก มีการดำเนินการเป็นขั้นตอนของเขา เพื่อทดแทนในส่วนที่ทรุดโทรม รายละเอียดต่างๆ และทีโออาร์ก็เป็นเรื่องที่เขากำหนดกัน และเรื่องงบกลางนั้น ไม่ใช่นายกฯ เอาเงินมาอยู่ที่ตัวเองแล้วสั่งทุกอย่างได้ เพราะต้องเข้า ครม. เข้าใจกันเสียที ไม่ว่าเงินเท่าไหร่ก็เอาไปช่วยประชาชน ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆ ค่อนข้างที่จะก้าวล่วงหมิ่นประมาทตนหลายเรื่อง ขอให้ไปพูดข้างนอกแล้วกัน และยืนยันถึงการใช้กฎหมายต่างๆ กฎหมายนั้นอยู่เฉยๆ เมื่อมีการละเมิดเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการ ตนสั่งไม่ได้ที่ว่าตนไปก้าวล่วงไปเกี่ยวข้องนั้นขอให้ระวัง
“ด้วยบุคลิกของผมที่บอกว่าผมไม่ดี ผมเลวร้าย กับบุคลิกของท่าน ถามประชาชนว่าจะเชื่อใคร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
จากนั้นนายศรัณย์วุฒิลุกขึ้นโต้พร้อมชูเอกสารใบเสร็จว่า ใบเสร็จที่นำมาชี้แจงเป็นหลักฐานจริงๆ และยืนยันได้ หมดอำนาจเมื่อไหร่ก็โดนไล่บี้ไล่ต้อนเมื่อนั้น เพราะหลักฐานการคอร์รัปชั่นไม่มีหมดอายุความ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกลับลุกขึ้นสวนว่ากระดาษที่ถือเป็นหัวข้อนั้นเป็นใบเสร็จอย่างไร ใบเสร็จที่ท่านเขียนเอง รูปร่างใบเสร็จไม่ใช่แบบนั้น ก็ขอให้ไปพิสูจน์ต่อไปในกระบวนการยุติธรรม