“แรมโบ้” ซัด “วิโรจน์-นพ.ชลน่าน” ส.ส.ก้าวไกล-เพื่อไทย เป็นเด็กเลี้ยงแกะ โกหกหลอกลวงไร้หลักฐาน ปั้นน้ำเป็นตัว ท้าแน่จริงงัดหลักฐานมาโชว์ อย่าใช้วาทะตีกินทางการเมือง
วันนี้ (18 ก.พ.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านเมื่อวานนี้เป็นวันที่ 2 ว่ายังคงเป็นการนำข้อมูลเดิมๆ มาอภิปราย โดยเฉพาะการอภิปรายของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 และบอกว่ารัฐบาลผูกขาดบริษัท แอสตราเซเนกา พาคนไทยไปเสี่ยง อีกทั้งยังอภิปรายโยงไปยังบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ตนเองมองว่าในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ นายวิโรจน์และพรรคก้าวไกลควรให้ความร่วมมือกับรัฐบาลมากกว่าที่จะนำข้อมูลบิดเบือนมาอภิปรายให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดในตัวนายกฯ และรัฐบาลได้ ทั้งที่นายกฯ และรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำงานอย่างหนักเพื่อให้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง อีกทั้งเรื่องนี้บุคลากรทางการแพทย์ได้ชี้แจงไปหลายครั้งแล้ว
โดยเมื่อวานนี้ ทีมแพทย์กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงหลังนายวิโรจน์อภิปราย ทำให้คนไทยยิ่งรู้ความจริงว่านายวิโรจน์เอาข้อมูลที่เป็นเท็จ ไม่มีความรู้ความเข้าใจในข้อเท็จจริงมาอภิปรายตบตาประชาชน จนหน้าแตกเย็บไม่ติด ต้องหาปี๊บคลุมหัวเดินในสภาเป็นแน่
“นายกฯ มีความเป็นห่วงประชาชนมากที่สุด และอยากให้คนไทยได้ฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด แต่ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน และอีกไม่นานวัคซีนล็อตแรกก็จะถึงไทยแล้ว นอกจากนี้ เรื่องวัคซีนบุคลากรทางการแพทย์ได้ชี้แจงหลายครั้งแล้วว่าถ้าจองซื้อวัคซีนกับบริษัทอื่น เป็นการซื้ออย่างเดียว แต่การจองซื้อกับแอสตราเซเนกา ประเทศไทยได้ศักยภาพการผลิตวัคซีนระดับโลกไว้กับเรา เรื่องเรื่องนี้ใครๆ ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี จึงอยากถามกลับนายวิโรจน์ว่าเหตุใดถึงไม่อยากให้ประเทศได้ประโยชน์จากตรงนี้ เป็นคนไทยหรือไม่”
ส่วนการอภิปรายของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว พรรคเพื่อไทย ถึงขบวนการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติ รับส่วยในพื้นที่ มีการเก็บส่วยส่งถึงบิ๊ก ป.ทำให้คดีเงียบนั้น นายสุภรณ์ยืนยันว่า นายกฯ ให้ความสำคัญต่อการปราบปรามเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอดซึ่งพรรคเพื่อไทยได้เห็นแล้ว และหาก บิ๊ก ป.นั้น หมอชลน่านหมายถึงบุคคลในรัฐบาล นายกฯ ยืนยันแล้วว่าไม่มีรับเงิน และให้หาพยานหลักฐานมาแล้วไปสู้กันในคดี
นายกฯ ไม่เคยคิดแสวงหาผลประโยชน์เหมือนกับผู้นำของ นพ.ชลน่าน ทั้งสองคนที่ต้องหนีคดีทุจริตไปอยู่ต่างประเทศ เงินที่ได้มาจากช่องทางชั่วๆ นายกฯ ไม่เคยคิดเอาแม้แต่สลึงเดียว คนที่คิดอยากได้อยากเอา นพ.ชลน่านต้องไปถามเจ้านายตนเองทั้งสองคนก่อนดีกว่าไหม เพราะวันๆ ในสมองอาจจะคิดแต่เรื่องโกงเพื่อหาเงินชั่วๆ มาใส่กระเป๋าตนเองหรือเปล่า นพ.ชลน่านเลยติดนิสัยคิดว่าคนอื่นจะเป็นเช่นนั้น จึงไปเที่ยวกล่าวหาบุคคลอื่นเขาไปทั่ว
“ขอให้หมอชลน่านเอาหลักฐานมาพิสูจน์กัน อย่ากล่าวหาแบบใส่ร้ายป้ายสีโดยขาดหลักฐานถ้าแน่จริง อย่าใช้นิสัยนักการเมืองน้ำเน่าที่กล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีแบบเลื่อนลอย หาก นพ.ชลน่าน เป็นลูกผู้ชายจริงไม่ต้องกลัวอะไรงัดหลักฐานออกมาโชว์ และผมก็เห็นด้วยกับนายกฯ ที่บอกว่าหากมีหลักฐานก็นำมาเปิดเผยได้เลย และมาสู้กันตามกระบวนการทางกฎหมายจะดีกว่า อย่าเอาข้อมูลเท็จมาตีกินแบบนี้ จะเป็นนักการเมืองที่ดีในสายตาประชาชนไม่ได้เลย สุดท้ายก็เหมือนเด็กเลี้ยงแกะ ชอบสร้างเรื่องหลอกลวงตบตาประชาชนให้คนอื่นเป็นโจรแต่ตนเองเป็นพระเอก นิสัยที่ชอบปั้นน้ำเป็นตัว สร้างเรื่องใส่ร้ายคนอื่นเยี่ยงนี้ อย่าคิดว่าประชาชนโง่รู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมืองประเภทนี้เลย”