เดือดทั้งในนอกสภา “ดร.นิว” ซัดความวุ่นวายในสภา สาเหตุมาจากมรดกคณะราษฎร 2475 เผด็จการตัวจริง โยนบาปสถาบัน “ดร.อานนท์” ถามหาหลักวิเคราะห์มวลชนของ “สมศักดิ์” ที่ไม่เจียม... “รุ้ง-ไมค์” การันตีไม่มีรุนแรง? 20 ก.พ.รู้กัน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (17 ก.พ. 64) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas สหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“#รัฐสภาไทยกับความวุ่นวายไม่รู้จบภายใต้ระบอบเผด็จการ
เมื่อเริ่มต้นผิด สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาทั้งหมดจึงผิดตามไปด้วย คณะราษฎรไม่ได้เปลี่ยนผ่านแล้วสร้างระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง สิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลาเกือบจะ 89 ปี คือ ระบอบเผด็จการของคนส่วนน้อยที่ผลัดกันเข้ามาถือครองอำนาจอธิปไตย
ตราบใดที่เรายังอยู่ภายใต้โครงสร้างระบอบเผด็จการที่สืบทอดมาจากคณะราษฎร 2475 ที่เป็นลัทธิรัฐธรรมนูญ อำนาจอธิปไตยของปวงชนก็จะเป็นจริงแค่ในกระดาษอยู่ร่ำไป นักการเมืองไทยก็จะยังทะเลาะกันอยู่แบบนี้ ไม่ต่างจากคณะราษฎรในอดีตที่แย่งชิงอำนาจกันไปมาโดยไม่ได้สนใจประชาชน และไม่ได้มีอุดมการณ์ที่ถูกต้องของนักการเมืองในการเข้ามารับใช้ประชาชน
แม้ว่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่อยากจะเปลี่ยนแปลง จึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกรัฐสภา แต่ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอะไรได้ มีแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ยิ่งไปกว่าเดิม เพราะคนกลุ่มนี้กลับเป็นผู้กอดแนวทางที่ผิดของคณะราษฎรไว้อย่างเหนียวแน่น
คำว่า “มัน” ใน #ให้มันจบที่รุ่นเรา จึงเหมาะสมกับคณะราษฎรและลัทธิรัฐธรรมนูญเป็นที่สุด คณะราษฎรกับลัทธิรัฐธรรมนูญจบสิ้นลงเมื่อไหร่ ประชาธิปไตยที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อนั้น
การบิดเบือนให้ร้ายบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ของลัทธิรัฐธรรมนูญ จึงเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายในการรักษาระบอบเผด็จการตัวจริงให้คงอยู่ โดยการโยนบาปทั้งหมดไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งๆ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันประชาธิปไตยตัวจริงที่ถูกเผด็จการกดทับมาโดยตลอด
จะสร้างประชาธิปไตยได้สำเร็จ ทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของประชาชนได้จริง ต้องอาศัยบารมีของสถาบันพระมหากษัตริย์ นี่คือ เหตุผลทั้งหมดว่า ทำไมผมถึงยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะมีแต่สถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น ที่จะสามารถสร้างประชาธิปไตย ทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนอย่างแท้จริงได้สำเร็จ”
ขณะที่ เฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา ได้แชร์ทวิตเตอร์ของ ‘โรซี่’ - จรรยา วงศ์สุรวัฒน์ Rosie Spokedark
ระบุว่า “การประท้วงโง่ๆ เพื่อหวังให้คนเบื่อและเลิกดูอภิปรายเป็นแทคติกโบราณตกยุค สมัยก่อนดูจากทีวี จบแล้วจบเลยไง ยุคนี้มีคนสรุปให้ มีแบบหั่นเป็นต่อนๆ มีมีม มีถอดเทป สิ่งเดียวที่คงเดิม และ amplify ไปอีกคือความทุเรศของพวกประท้วงตีรวน คนอภิปรายมีแต่น้ำ และประธานสุดเห่ย #อภิปรายไม่ไว้วางใจ”
https://twitter.com/Rosie.../status/1361849367003467778
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน สืบเนื่องมจาก วันที่ 15 ก.พ.เฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ และผู้ลี้ภัยในฝรั่งเศส โพสต์ข้อความระบุว่า
“สมมติเราแบ่งมวลชนคร่าวๆ ออกเป็นสี่กลุ่ม
กลุ่มแรก พวกที่เชียร์ก้าวไกล พวกนี้ส่วนใหญ่ที่สุด เห็นด้วยกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แรกทีเดียวยังไม่ออกหน้ามาสนับสนุน พอผู้นำพรรคเปลี่ยนมาแสดงออกสนับสนุน จึงสนับสนุนตาม
กลุ่มที่สอง นี่คือ มวลชนที่สนับสนุนทักษิณ พวกนี้อันที่จริงเห็นด้วยกับการปฏิรูปสถาบันฯ แต่เห็นด้วยกับทักษิณมากกว่า นี่เป็นปัญหาใหญ่ของการปฏิรูปสถาบันฯ พรรคทักษิณนั้น มีนโยบายสองด้านเกี่ยวกับสถาบันฯมาแต่ไหนแต่ไร ด้านหนึ่ง (ซึ่งเป็นด้านหลัก) เชียร์สถาบันฯ... “เน้นด้านเศรษฐกิจ” แต่อีกด้านหนึ่ง (นี่เป็นด้านรองมาก) ก็ไม่คัดค้านการที่ผู้สนับสนุนจำนวนมาก (โดยเฉพาะในต่างประเทศ) จะออกมาโจมตีสถาบันฯ มีบ้างเหมือนกัน ที่พวกนี้จะออกมา “เชียร์สถาบันฯ” หรือพูดโจมตีพวกแรกบ้าง
กลุ่มที่สาม พวกที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาล พวกนี้มีหลายกลุ่ม ตั้งแต่พวกที่เห็นด้วยอย่างเงียบๆ กับการวิจารณ์สถาบันฯ ปัญหาใหญ่ของคนเหล่านี้ เกลียดทักษิณ เกลียดธนาธร เรื่องสถาบันฯไม่ใช่เรื่องใหญ่ของพวกเขา
กลุ่มสุดท้าย พวกที่กระตือรือร้นในการเชียร์สถาบันฯ พวกนี้อันที่จริงมีไม่มาก แต่กระตือรือร้น สนับสนุนมาตรการเด็ดขาด”
วันนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุ ว่า
“...ทำ survey research แล้ว run cluster analysis ทำ market segmentation ด้วย psychographic segmentation ด้วยตัวแปรทางจิตวิทยาตัวแปรไหน นักวิชาการชั้นสูงสมเทียมผักไม่เจียมกะลาหัว”
ด้าน ความเคลื่อนไหวของ ม็อบราษฎร 2563 หลังคืนวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่มีคลิปและคำบอกเล่าของการ์ดที่อยู่ในเหตุการณ์และได้รับบาดเจ็บด้วย พิสูจน์ได้ว่า การ์ดบางกลุ่มก่อเหตุรุนแรงกับพวกเดียวกัน
วันนี้เช่นกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก น.ส.ปนัสยา หรือ “รุ้ง” สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำม็อบคณะราษฎร กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 20 ก.พ.ที่ท้องสนามหลวง ว่า
กรณีที่กังวลว่าจะมีการใช้ความรุนแรงเหมือนการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ตนยืนยันว่า ได้มีการหารือกันในกลุ่ม และวางแผนแก้ปัญหาให้รัดกุมกว่าเดิม โดยเฉพาะการจัดทีมสันติวิธีไว้ที่แนวหน้า เพื่อคอยระงับเหตุความรุนแรงและสื่อสารให้เข้าใจตรงกันทั้งหมด แต่หากจะยังมีผู้ฝ่าฝืนพยายามใช้ความรุนแรงอีก ก็เชื่อว่าจะเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
ด้าน นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง” แกนนำม็อบราษฎร กล่าวว่า เราเข้าใจความโกรธของมวลชนทุกคน เรารู้ทนไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เราอยากจะบอกว่าทุกคนคือพวกของเรา ทุกอย่างเกิดจากความโกรธที่เจ้าหน้าที่รัฐริเริ่มก่อน เรานั่งคุยกัน ต่อไปต้องมีทีมสันติวิธีในการควบคุมแนวข้างหน้า และอยากฝากถึงตำรวจก็ควรปฏิบัติหน้าที่ละมุนละม่อมมากว่านี้...
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 13 ก.พ. เฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของ “สมศักดิ์เจียม” โพสต์เป็นประเด็นน่าคิดวิเคราะห์ขึ้นมาว่า
“ตอนนี้ ไม่ว่าจะประเมินอย่างไร ต้องบอกว่า เรายังไม่พร้อม ยังมีคนจำนวนมหาศาลที่ยังไม่เอาด้วยกับเรา
นอกจากนี้ เฉพาะหน้า มีเพื่อนเราถูกจับ ไม่ให้ประกัน
เราต้องยึดมั่นในใจไว้ให้ดี การปะทะตอนนี้ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น”
แน่นอน, ประเด็นสำคัญน่าคิด กรณี “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ peace talk ช่วงหนึ่งว่า
“วันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.) จะมีความหมายมากต่อแกนนำที่ต้องไปพบอัยการทั้ง 19 คน หรือ 24 คน หรือจะกี่คนก็ตาม เพราะสิ่งสำคัญในคดี ม.112 นั้น จะเริ่มต้นโทษที่ 3 ปี อย่างไรก็ตาม ผมหวังว่า ผู้ต้องหาควรมีสิทธิประกันตัวได้ เพราะเป็นเสรีภาพ ส่วนการยื่นขอประกันตัวนั้น กระทำได้ในศาลชั้นต้น อุทธรณ์ ถ้าไม่อนุญาตแล้ว ก็ยื่นถึงศาลฎีกา แต่ปกติมักยื่นแค่ศาลอุทธรณ์”
นายจตุพร กล่าวว่า ตนดูรายชื่อแล้ว แกนนำที่มีบทบาทจะเหลือไม่กี่คน และการนัดชุมนุม 20 ก.พ.นี้ คงต้องติดตาม เมื่อจุดแข็งสันติวิธีถูกทำลายลงแล้ว จึงเป็นเรื่องยากลำบากกับการควบคุมผู้ชุมนุม รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกแซงจากฝ่ายไม่หวังดีได้อีก
“ถ้าคุมการชุมนุมไม่ได้ จะเป็นชนวนให้สถานการณ์ลุกลาม บานปลาย แล้วคาดการณ์ถึงการนองเลือด ซึ่งสถานการณ์บ้านเมืองจะขยายไปอีกขั้นหนึ่ง ไม่รู้จะถึงขั้นไหน ถัดไปอีกไม่กี่วัน คือ ในวันที่ 24 ก.พ. คดี กปปส. ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษา ซึ่งจะเห็นจุดเปลี่ยน โดยมีจุดหักเหมาจากเหตุการณ์วันที่ 20 ก.พ. ซึ่งผมประเมินแบบดักทางเอาไว้ก่อน” นายจตุพร กล่าว
และว่า อีกอย่าง ตนพยายามอธิบายว่า ถ้าในช่วงปลายไม่สามารถควบคุมการชุมนุมได้แล้ว จะกลายเป็นช่องว่างให้เกิดโรคแทรกแซงได้มาก ดังนั้น การชุมนุมวันที่ 20 ก.พ. จึงน่าสนใจและควรติดตาม (จากไทยโพสต์)
เชื่อว่า หลายคนเห็นด้วยกับ “ตู่ จตุพร” ซึ่งถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการชุมนุมม็อบเสื้อแดง และมีบทเรียนในการดูแลมวลชน ให้อยู่ในความสงบ และการรับมือกับความกดดันจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐมานับไม่ถ้วน รวมทั้งยังต้องวิเคราะห์สถานการณ์ที่อาจเกิดการแทรกแซงเอาไว้ด้วย
ดังนั้น สิ่งที่ “รุ้ง” และ “ไมค์” การันตี ภาพหลอนจากคืนวันที่ 13 ก.พ. มันไม่เพียงตามมาหลอกเท่านั้น หากแต่มันอาจตามมาสิงสู่อยู่ในม็อบ จนไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นด้วย ซึ่งได้แต่ภาวนาว่า ขออย่าได้เกิดความรุนแรง และให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเรียบร้อยเท่านั้น