ข่าวปนคน คนปนข่าว
**พิรุธ “ละครโรงใหญ่” จับ “หลงจู๊สมชาย” จัดหนักได้ แต่ทำไมตั้งข้อหาเก่า และ “เบาหวิว” จนรอดนอนคุก
วิจารณ์กันขรมตามมาอย่างต่อเนื่องว่า กรณีจับ “สมชาย จุติกิติ์เดชา”หรือ “หลงจู๊สมชาย” เจ้าพ่อบ่อนภาคตะวันออก ช่วงเช้ามืด 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ในฐานความผิด “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต” และได้รับการประกันตัวออกไปด้วยเงินสด 2 แสนบาท ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน เหมือน “ละครโรงใหญ่” มวยล้มต้มคนดู
ว่ากันว่า เบื้องหลังของการจับ “หลงจู๊” มาจากเรื่องการเมือง เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมาถึง เพราะเชื่อกันว่าเรื่องนี้จะถึงตัว “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ และประธาน ก.ตร. จึงสั่งไปดำเนินการเพื่อลดความร้อนแรงของการถูกอภิปราย
นั่นเพราะว่า ใครๆ ต่างรู้กันดีว่า “หลงจู๊สมชาย” เป็นผู้มีอิทธิพลในภาคตะวันออก มีธุรกิจเครือข่ายบ่อนพนันทั้งบนดิน และออนไลน์ และธุรกิจบันเทิง ที่ชั่วโมงนี้อยู่แถวหน้าขบวนการคนจ่ายส่วยให้ผู้มีอำนาจทั้งตำรวจ และฝ่ายปกครอง
ผลสอบที่ “คณะกรรมการปราบบ่อน” ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาเองเพื่อมุ่งสอบสวน “บ่อนระยอง” ซึ่งเป็นต้นเหตุ “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” การแพร่ระบาดโควิดรอบใหม่ก็มีผลแย้มออกมา ชี้ชัดว่าคนที่เกี่ยวข้อง “บ่อนระยอง” ของหลงจู๊ มีทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ปกครอง
แม้ผลสอบจะไม่ถูกเปิดเผยให้ประชาชนได้รู้ แต่ข้อมูลที่ส่งตรงถึงมือ “ลุงตู่” ก็เชื่อกันว่าเห็นแล้วก็ต้องสะดุ้งกันเป็นแถบ ด้วยความไม่ธรรมดาของ “หลงจู๊” ที่เชื่อมโยงกับสายอำนาจใดในรัฐบาลบ้าง ทั้งตำรวจ นักการเมืองท้องถิ่น ส.ว. ส.ส. พรรคการเมือง และเผลอๆ อาจโยงไปถึงคนใกล้ตัวลุง เรียกว่าจากปทุมวันถึงทำเนียบรัฐบาล เป็นปัจจัยหนุนหลังให้ “หลงจู๊” ผงาดขึ้นครองเบอร์ 1 ในยุทธจักรพนัน
ผลประโยชน์ “Win-Win” ทั้งผู้ให้และรับส่วยกันมานานนับ 10 ปี ตั้งแต่ “หลงจู๊” ยังเป็นนายสมชาย ที่หากินในแวดวงหวยใต้ดินมาเติบใหญ่ขยายกิจการเข้าสู่บ่อนพนันตู้ม้า ตู้สล็อต สร้างอาณาจักรภายใต้มือชักใย ที่ว่ากันว่าเป็นกลุ่มอดีต “บิ๊กตำรวจ” ภาค 2 ที่เห็นแววความทะเยอทะยานของหลงจู๊ จึงอุ้มชูกันมาจนไม่มีใครกล้าแตะ
แน่นอนว่า ข้อมูลที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกขึ้นมาฟาดรัฐบาล ย่อมหนึไม่พ้น “โป๊ะแตก” การระบาดโควิดรอบใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับส่วยพนันบ่อนระยอง คำถามมีว่า บ่อนหลงจู๊สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและทำความเดือดร้อนให้ประชาชนมานานกว่า 2 เดือน ทำไมเพิ่งมาจับกุม
การ “จับหลงจู๊” ครั้งนี้ ดูผิวเผินเหมือนจะดีงามตามท้องเรื่อง รัฐบาลดำเนินการนโยบายปราบปรามอย่างแข็งขัน แต่พอดูกันจริงๆ นอกจากแก้เกมทางการเมือง คนที่ตามเกมทันก็ต้องร้อง “เอ๊ะๆ” ...เอ๊ะกันหลายๆ จุด ที่มีความผิดปกติ “พิรุธ” หลายอย่าง
เอ๊ะแรกก็ตั้งแต่วันแรกที่ “หลงจู๊” ถูกจับ ก็ทะแม่งๆ ที่เขาพูดกับนักข่าวว่า ตำรวจกล่าวหาเขาด้วย “คดีเก่า” ซึ่งก็เชื่อกันว่าเป็นคดีที่ “เบาหวิว” แค่ “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ธรรมดาๆ อย่าว่าแต่ “สมชาย” คนทั่วไปก็รอด จนนำมาซึ่งการได้ประกันตัว รอดนอนคุกไปแบบชิลๆ
มองมุมกลับ หากตำรวจจับกุมด้วยการแจ้งข้อหาเป็นเจ้าของบ่อน พ่วงด้วยการเป็นต้นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดโรคโควิด ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือความผิดมูลฐานคดี “ฟอกเงิน” มัดตราสังข์ไปอีกเปลาะ โทษฐานความผิดก็น่าจะอยู่ในระดับที่รุนแรงกว่านี้ อย่างน้อยๆ “หลงจู๊” ก็ควรต้องถูกคุมขังตัวไว้เพื่อรอการพิจารณาคดีอาญา ตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมที่พึงเกิดขึ้นเหมือนกรณีอื่นๆ หรือ กระทั่ง “เสี่ยโป้” ที่ถูกจับก่อนหน้า
เมื่อตำรวจชงมาด้วยข้อหา “เบาหวิว” แถมเป็นคดีเก่าที่เขาว่า เขาถูกกลั่นแกล้ง ดูยังไงๆ ความผิดก็อยู่ตรงที่ตำรวจทำตัวให้มีพิรุธ
เอ๊ะที่สอง...ก็ต้องบอกว่า ปฏิบัติการเข้าจับกุมที่ดูเหมือนมีการนัดกันมาล่วงหน้า ไม่เหมือนปฎิบัติการ “ชัตดาวน์กาแล็กซี่” ที่บุกจับ “เสี่ยโป้-โป้ อานนท์” ที่ภาพออกมาเหมือนผู้ชมกำลังดูหนังฮอลลีวูด แต่ในปฏิบัติการบุกรวบ “หลงจู๊สมชาย” คาบ้านพัก เป็นไปในลักษณะที่มีผู้สันทัดกรณีเรียกว่าปฏิบัติการ “ลิงหลับ” หลงจู๊แต่งตัวเรียบร้อย ด้วยชุดแต่งกายซูเปอร์แบรนด์ หนีบรองเท้าแตะ “แอร์เมส” หล่อๆ รอต้อนรับตำรวจแบบหัวคิ้วไม่ขมวดเลยด้วยซ้ำ
เอ๊ะต่อมา..นี่ก็ต้องบอกว่า เพราะ “หลงจู๊” มีเวลาเตรียมตัวเตรียมการ หลักฐานต่างๆ จึงถูกเคลื่อนย้ายไว้ล่วงหน้า ไม่ต่างกับตอนที่ตำรวจบุกทลายบ่อนระยอง ที่ บขส.เก่า เจอแต่โกดังว่างเปล่า ทั้งที่บ้านพักระดับคฤหาสน์เฉพาะรั้วบ้านก็สูงท่วมหัว แต่กล้องวงจรปิด และเซิร์ฟเวอร์บันทึกกล้องวงจรปิดหายไป ขณะที่หลักฐานอื่นๆ ที่เหลือ เช่น สมุดบัญชีธนาคารไม่กี่เล่ม โฉนดที่ดินไม่กี่ฉบับ ผิดปกติวิสัยกับบ้านหลังใหญ่โต
ขณะที่ห้องโถงก็โล่งเป็นพิเศษ ซึ่งคนในวงการพนันดูจับสังเกตว่า ปกติน่าจะมีไว้เป็น “ไพรเวตปาร์ตี้” วันนั้นก็ถูกปัดกวาดอย่างเรียบร้อย
เอ๊ะอีกเอ๊ะหนึ่ง...ที่เกี่ยวกับ “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร.ที่มีข่าวว่าเช้าวันที่หลงจู๊ถูกรวบ ได้เดินทางไปสอบปากคำด้วยตนเอง แต่ก็มีข้อน่าสังเกตและคำถามจาก “สันธนะ ประยูรรัตน์” ทำไม ผบ.ตร.ไม่นำผู้ต้องหามานั่งแถลงด้วย? ทำให้คิดไปกันว่าการที่ต้องจับกุม “สมชาย” แน่นอนเพื่อลดกระแส พูดง่ายๆ ผบ.ตร.ก็จวนตัว เก้าอี้สั่น จึงมีสคริปต์หลงจู๊สมชายถูกจับ ซึ่งการแถลงข่าวปกติแล้ว ก็ควรจะนำตัวผู้ต้องหามานั่งแถลง แล้วเปิดโอกาสให้นักข่าวได้สอบถามที่เชื่อว่า มีเรื่องต้องถามเยอะแน่ ซึ่งอดีตนายตำรวจคนนี้ว่า “มันเป็นเรื่องลับลมคมในของเขา”
ว่ากันว่า เวลานี้ “หลงจู๊สมชาย” เก็บตัวเงียบ ไม่มีใครรู้ความเคลื่อนไหวของเขานับแต่เป็นข่าวครึกโครมมาก็หลายวัน แต่ศึกในสภา กำลังจะเริ่มต้น
เมื่อก็รู้กัน และดูออกแหละว่าฉากการจับกุม “หลงจู๊สมชาย” ถูกเซตอัปขึ้นมาไว้แล้ว เพื่อลดความร้อนแรงของเกมการเมือง แต่ก็ยังน่าสนใจติดตามว่า ละครโรงใหญ่ ปาหี่การเมือง มวยล้มต้มคนดู เรื่องนี้จะดุเด็ดเผ็ดร้อนกันในสภาหรือไม่ แค่ไหน
งานนี้ละครโรงใหญ่จับหลงจู๊มีพิรุธเพียบ จัดหนักได้แต่ไม่ทำ นี่ละคำถาม “ลุงตู่และรัฐบาล” ก็ตัวใครตัวมันกันละ
**Power of Love! อานุภาพแห่งความรักช่วย “ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร” อาการดีขึ้นเตรียมปฏิบัติการ “คืนปูสู่สาคร”
วันแห่งความรัก เมื่อวาน (14 ก.พ.) มีข่าวที่น่ายินดี เมื่อ “นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล” หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “14 กุมภาพันธ์ 2564 อีกหนึ่งความทรงจำดีๆ ในวันแห่งความรัก...ที่สำคัญในวันนี้คือ บุคคลที่เรารัก ท่านผู้ว่าฯ สมุทรสาคร วีระศักดิ์ (ปู) วิจิตร์แสงศรี รักษาตัวในไอซียูโควิด ของศิริราช รวม 34 วัน เวลา 13.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 31 ม.ค. เมื่อโควิดหมดจากร่างท่านแน่นอนแล้ว จึงย้ายท่านออกมาฟื้นฟูสภาพปอดและร่างกายโดยรวมต่อเนื่อง ที่หออภิบาลระบบการหายใจ
จากประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยวิกฤตโรคระบบการหายใจมากว่า 30 ปี เรียนตามตรงว่า ขณะนั้นไม่มั่นใจเลยว่าจะนำพาร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ กลับคืนมาได้มากเพียงใด ช่างเป็นความลงตัวของการครบ14 วัน ในบ่ายโมงวันนี้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก
ตลอดสัปดาห์แรก เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการปรับแต่งการใช้เครื่องช่วยหายใจให้เหมาะสมกับสภาพปอด ที่เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการหยูกยาต่างๆ นานา ที่มักจะต้องใช้อย่างมากในระหว่างการใช้เครื่องช่วยหายใจ เพื่อพักปอดเป็นเวลานาน ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นับว่าการฟื้นตัวเป็นไปอย่างก้าวกระโดด การหายใจทำได้ด้วยตัวเองมากขึ้น แม้ยังต้องพี่งออกซิเจนเสริมจากภายนอก การเคลื่่อนไหวของรยางค์ที่ลีบเรียวไปทำได้มากขึ้น เป็นผลจากการมีใจจดจ่อของเจ้าตัว ทั้งในยามมีเจ้าหน้าที่มาทำกายภาพบำบัดให้ หรือในยามว่างที่กระทำด้วยตัวเองอยู่เนืองๆ จนพยาบาลต้องคอยปลอบให้เพลาลงบ้างเมื่อได้เวลาพัก
ไม่ต้องพูดถึงการแสดงออกซึ่งอารมณ์เฉกเช่นปุถุชน ไม่ว่าจะเป็นพึงพอใจยามสบายอารมณ์ เมื่อประสบสิ่งที่โปรด หรือขุ่นมัวในอารมณ์เมื่อไม่ได้ดั่งใจ โดยเฉพาะการที่ยังไม่สามารถกลับไปทำงานต่อได้ตามอยาก รวมไปถึงการรับทราบข่าวทีมฟุตบอลโปรด ที่ยังควานหาชัยชนะไม่เจอมาหลายนัด แต่สิ่งสำคัญของการฟื้นตัวที่ทุกคนสังเกตเห็นได้คือการใช้สมองเชิงบริหาร เมื่อสื่อสารเรื่องหนักๆ แล้วสามารถแสดงความมีส่วนร่วมโดยมีอินเนอร์เต็มที่ ยิ่งทำให้มั่นใจว่าท่านจะกลับไปทำงานเดิมได้ใกล้เคียงเดิมในแบบ New Normal
บ่ายวันพุธเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ “ดนตรีจิตบำบัด” ผ่านมาให้บริการที่หอผู้ป่วยฯพอดี เขาจึงนำท่านเขย่า Egg Shaker คลอไปกับเสียงกีตาร์และเสียงร้องอยู่ที่ปลายเตียงของท่าน เสียงเพลงแรก “หนึ่งมิตร ชิดใกล้” คลอไปกับการให้จังหวะแบบเป๊ะเวอร์ของอดีตนักดนตรีเก่า ที่นั่งเอนหลังในเตียง ในช่วงท้ายของเพลง ท่านคณบดีศิริราช เข้าเยี่ยมเป็นทางการครั้งแรก เมื่อขึ้นเพลงที่สองที่ท่านคณบดีขอเข้าร่วมแจมด้วย เป็นเพลงช้าที่จำชื่อเพลงไม่ได้แล้ว
เมื่อนักดนตรีที่เล่นไปร้องไป มีการคร่อมจังหวะ ท่านก็ส่งสีหน้าว่า ให้ดึงกลับตามจังหวะที่ท่านช่วยเขย่าประคองให้ แถมในท่อนฮุค และท่อนจบ ยังมีการเขย่าลูกเล่นแทรกให้ผู้ฟังอมยิ้มไปตามๆกัน หลังจบเพลงจึงได้มีการกล่าวเยี่ยมเป็นทางการของท่านคณบดี พร้อมมอบคำอวยพร และของที่ระลึก ซึ่งฝากมาจากบุคคลสำคัญ ระหว่างนั้นท่านยกมือขึ้นประนมรับพร และจรดขึ้นสู่ศีรษะพร้อมใบหน้าอันปลาบปลื้ม ก่อนจากกันทั้งสองเอกบุรุษต่างให้สัญญาว่า จะกลับไปร่วมสานงานที่คั่งค้างระหว่างสองหน่วยงานนี้ ที่สมุทรสาครเมื่อโอกาสอำนวย และที่สำคัญจะไปดวลเพลงให้รู้กันชัดเจนไปว่าใครเหนือกว่าใคร
ช่วงบ่ายได้ทำการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ซ้ำ เพื่อประเมินการฟื้นตัวทางกายภาพของปอด พบว่า ดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก็พบของแถมบางอย่างทำให้เป็นตัวเร่งต้องรีบเอาเครื่องช่วยหายใจออก
วันพฤหัสบดี เป็นวันที่ท่านหายใจได้เองตลอดทั้งวันและคืน โดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วย ภรรยาท่านได้ซื้อไอแพดเครื่องใหม่มาให้ทดแทนการเขียนสื่อสารผ่านกระดาษที่ยังควบคุมให้อ่านได้ยาก ท่านสามารถพิมพ์ข้อความได้คล่องพอควร จนช่วยให้การสื่อสารเข้าใจง่ายขึ้นกว่าเดิม จากการพยายามอ่านปาก
พอถึงวันศุกร์ นอกจากการทำกายภาพบำบัดในเตียงแล้ว ยังสามารถพยุงลงยืนข้างเตียงช่วงสั้นๆ และนั่งพักอิริยาบถในเก้าอี้เท้าแขนได้เป็นเวลานาน และช่วงนี้เองการสื่อสารผ่านไอแพด ผสมอ่านปากจึงเป็นไปแบบออกรส แถมมีอารมณ์ขันแทรกเข้ามาด้วย แต่อาจเป็นอารมณ์ขื่นของผู้รับ เพราะท่านเล่นอวยพรให้ผม และลูกสาวคนโตของท่านติดโควิด จะได้มีศักดิ์และสิทธิ์เสมอท่าน และภรรยา (คนติดเชื้อแล้วจะมีภูมิคุ้มกันชั่วคราวอาจนานถึง 6 เดือน เพื่อรอถึงการฉีดวัคซีนโควิด สำหรับให้มีภูมิคุ้มกันที่เสถียรขึ้น)
พอขึ้นวันเสาร์ เป็นวันที่พวกเราแปลกใจอย่างมาก การเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายที่ถนัดกลับมาเร็วจนไอแพดซื้อใหม่ใช้ไม่ทันคุ้ม ลองดูได้จากภาพการเขียนชื่อตัวเอง ชื่อแพทย์เจ้าของไข้ แถมการลงชื่อกำกับ ลูกสาวผมเห็นแล้วยังบอกว่าสวยกว่าลายมือของพ่อ ต่อให้ตั้งใจเขียนเสียด้วยซ้ำ บรรดาลูกน้องทั้งหลายที่พร่ำบ่นหานาย เห็นแล้วคงหนาวเพราะอาจต้องเตรียมทำงานหนักในเร็ววันกันเป็นแน่แท้
สำหรับวันอาทิตย์แห่งความรักนี้ แม้จะหน้าเหยไปบ้างเมื่อเล่าว่า เมื่อคืนทีมหงส์แดงพ่ายทีมจิ้งจอกสีน้ำเงิน ที่มีตัวหนังสือติดหน้าอกหราว่า “Thailand smiles with you” แต่ท่านก็ตั้งใจวาดดอกกุหลาบเป็นของขวัญมอบให้กับศรีภริยา ส่วนของขวัญของผมนั้น ท่านให้ภรรยาช่วยเปิดโทรศัพท์เพื่อเปิดเพลง “บึงสีไฟ” ที่ท่านแต่งและร่วมขับร้องเมื่อสามปีก่อน ขณะที่เป็นผู้นำทุกภาคส่วนร่วมฟื้นฟูบึงใหญ่ใจกลางเมืองขณะที่ท่านดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ พิจิตร
การแพทย์คงช่วยคลี่คลายภาวะวิกฤตสุขภาพของท่านได้ แต่พลังบวกจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะภรรยาคู่ชีวิตมีส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็ม การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของท่านอาจเป็นปาฏิหาริย์ หรืออาจเป็นผลจากกรรมดีที่ท่านกระทำ แต่ผมเชื่อว่ามันมีอานุภาพแห่งรักมาหนุนนำด้วยแน่
ปฏิบัติการขั้นต่อไปของพวกเราต่อจากวันนี้ ขอให้ชื่อว่า “คืนปูสู่สาคร” ด้วยหวังให้คนที่เรารักกลับสู่ชีวิตการงาน และชีวิตส่วนตัวในสถานที่ที่คุ้นเคย ได้ปฏิบัติงานในฐานะ “ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และข้าราชการของประชาชน จวบจนวันเกษียณอายุในปี 2565 มาร่วมกันทำให้ปฏิบัติการนี้เป็นไปอย่างสมบูรณ์กันเถอะ...The power of Love…”
นี่คือเรื่องราวที่ชาวเน็ตพูดถึงกันมากในวันแห่งความรัก โดยเฉพาะอานุภาพแห่งรัก ที่สร้างปาฏิหาริย์อย่างซาบซึ้งใจ