นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย กล่าวถึงกรณีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์นี้ว่า เท่าที่ฟังจากฝ่ายค้านมานั้นเห็นบอกว่าจะมีเอกสารหลักฐานที่จะสามารถทำให้รัฐมนตรีอย่างน้อย 4 รายต้องพ้นจากตำแหน่ง ในกรณีนี้รัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายก็รู้ข้อมูลอยู่แล้ว รวมทั้งหน่วยราชการในกำกับก็จะต้องเตรียมข้อมูลให้กับผู้ที่จะถูกอภิปราย เพราะฉะนั้น ตนคิดว่าควรจะไปฟังในวันอภิปรายมากกว่า ส่วนที่มีข้อสังเกตว่าพรรคการเมืองขนาดเล็กไม่ได้เข้าร่วมการสัมมนาเพื่อเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่โรงแรมแมริออท สุขุมวิท เมื่อวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ อาจจะส่งผลต่อความเป็นเอกภาพของรัฐบาลนั้น ตนชี้แจงว่า บรรดา ส.ส.พรรคเล็กๆ ส่วนใหญ่ลงพื้นที่อยู่ต่างจังหวัด จึงทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมการสัมมนาดังกล่าวได้
นายพิเชษฐกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ อาจโหวตสวนมตินั้น ตนเห็นว่าถ้ามีเอกสารหลักฐานที่ปรากฏเป็นจริง หรือมีใบเสร็จว่ารัฐมนตรีผู้ถูกอภิปรายกระทำการทุจริตจริง ดังนั้น การดำเนินการของพรรคการเมืองก็มีมาตรา 124 ของรัฐธรรมนูญคุ้มครองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อเงินภาษีของประชาชนถูกนักการเมืองโกงนั้น ตนจึงอยากรู้ว่าพรรคการเมืองต่างๆ จะกล้ายกมือไว้วางใจให้หรือไม่ ดังนั้น คาดว่าในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ทางพรรคเล็กก็จะมีการแถลงข่าวถึงแนวทางการลงมติว่าเป็นไปในทิศทางใด แต่ยืนยันได้ว่าจะยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก
“ส.ส.ของพรรคเล็กๆ จำนวน 20 คน ก็ได้มีการพูดคุยมาตลอด จึงได้มีข้อสรุปว่าจะนั่งฟังการอภิปรายโดยตลอด พอถึงเวลาโหวตจะใช้วิจารณญาณของแต่ละคน ไม่ใช่ฟังคำสั่งจากวิปรัฐบาลหรือใครก็ตามที่บังคับให้เราโหวตไว้วางใจ เพราะผมยืนยันว่าพรรคการเมืองไม่ใช่บริษัทจำกัด ดังนั้น ถึงแม้ผมจะเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่ไม่สามารถยื่นญัตติเพื่อตรวจสอบการทำงานได้ แต่ผมจะฟังว่าฝ่ายค้านมีหลักฐานอะไรที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกระทำการทุจริต เพราะคราวที่แล้วชาวบ้านคลางแคลงใจอยากฟังคำชี้แจงของรัฐมนตรีท่านหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถอภิปรายได้ เพราะเวลาหมด จนชาวบ้านสงสัยว่าเขาเล่นอะไรกัน เพราะฉะนั้น เที่ยวนี้ฝ่ายค้านจะต้องรักษาหน้า รักษาเกียรติภูมิ จากที่ถูกประชาชนกล่าวหาว่าฮั้วกันหรือเปล่าในการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา ซึ่งพวกเราพรรคเล็กๆ ก็เห็นว่าเราควรจะรักษาภาพพจน์ของสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่ว่าฝ่ายค้านแสดงหลักฐานอย่างชัดเจน แต่กลับยกมือไว้วางใจ ก็จะถูกประชาชนและสังคมครหาว่าไปรับกล้วยเขามาอย่างแน่นอน” นายพิเชษฐกล่าว
นายพิเชษฐกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ลงชื่อสนับสนุนฝ่ายค้านในการอภิปรายครั้งนี้นั้น ไม่ได้กระทบต่อความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างกัน เพียงแค่ต่างคนต่างใส่หัวโขนคนละบทบาท เพราะตอนนี้นายมงคลกิตติ์สวมหัวโขนเป็นยักษ์ ส่วนตนสวมหัวโขนเป็นฝ่ายพระ แต่เมื่อถอดหัวโขนไปแล้วตนกับนายมงคลกิตติ์ก็กินข้าวและพูดคุยกันอย่างปกติ รวมทั้งนายมงคลกิตติ์ก็ไม่ได้บอกอะไรกับตนเกี่ยวกับข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้