ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ชัตดาวน์ “เสี่ยโป้ กาแล็กซี่” แค่ปลายภูเขาน้ำแข็ง อย่าตัดจบแล้วปล่อย “หลงจู้สมชาย” ลอยนวล ??
จากปฏิบัติการ “ชัตดาวน์กาแล็กซี่” ของ “”หนุมาน" กองปราบ ซึ่งมองกันว่าจะมีความหมายถึงการ “ชัตดาวน์ชีวิต” ของ “เสี่ยโป้ -อภิรักษ์ ชัชอานนท์” ด้วยหรือไม่
ก่อนอื่น “เสี่ยโป้” เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร ก็ต้องบอกว่าเป็นคนมีชื่อเสียงรู้จักกันดีในโลกโซเชียลฯ มีผู้ติดตามเฟซบุ๊กจำนวนมากกว่า 1.6 ล้านคน จากลีลาการสร้างกระแส และโหนกระแสที่สังคมกำลังให้ความสนใจอยู่ เขามักจะพาตัวเองไปเกี่ยวข้องพร้อมกับการแสดงตัวเป็น “นักเลง” ที่ใจถึงพึ่งได้ ชอบแจกเงินระหว่างไลฟ์สด และบริจาคเงินเพื่อการกุศล จนมีภาพของความเป็น “นักบุญคนปาบ” กลายเป็น “เน็ตไอดอล” ของเด็กและผู้ยากไร้
ดรามาที่ทำให้ “โป้” แรกมีชื่อ คือ มีชื่อปรากฏในแชตของคดี “อีเปรี้ยวหั่นศพ” ในฐานะบุคคลที่เคยพูดคุย มีความสนิทสนมกับ “เปรี้ยว” และ ตามมาด้วยดรามา ในคราบ “นักเลงนักบู๊” ช่วยเหลือคน ไลฟ์สดประกาศท้าชกกับคนนั้น คนนี้
ดรามากับ “กานต์-วิภากร” ภรรยาของ “เสก โลโซ” ว่าด้วยเรื่องความขัดแย้งเงินๆ ทองๆ หรือ แม้แต่ดรามากวนโอ๊ย บริจาคเงิน 1 บาท ให้กับคณะของ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ก๊วน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จนถูกกลุ่ม 3 นิ้ว จัดเข้าพวกกับสลิ่ม และมาโด่งดังอีกครั้ง กับบทบาทใส่ “เสื้อสีเหลือง” ดรามา กับพระเอกรุ่นใหญ่ “บิณฑ์ บันลือฤทธิ์” กรณีเสื้อชมพู กับเงินบริจาคค่าเสื้อ
เรียกว่า “เสี่ยโป้” สร้างกระแสได้ทุกเรื่อง หาซีนเก่ง แต่คนก็อดสงสัยในความร่ำรวย และที่มาของคำว่า “เสี่ย” นำหน้าชื่อเขา ซึ่งต่อมา “โป้” ได้ไลฟ์สด แจกแจงว่าที่มีเงินและชอบบริจาค เพราะมีธุรกิจพนันออนไลน์ในต่างประเทศ และธุรกิจอาหารเสริม
ว่ากันว่า “เสี่ยโป้” มักออกคลิปชักชวนคนเล่นการพนันออนไลน์ พร้อมๆ กับ มีการเล่นพนันออนไลน์โชว์ โดยโปรโมต เครือข่ายบ่อนพนัน “กาแลกซี่” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อปฎิบัติการของชุดหนุมานกองปราบ ที่ว่า “ชัตดาวน์กาแล็กซี”
จริงๆ แล้ว “เสี่ยโป้” ไม่ใช่เพิ่งถูกจับเรื่องพนันออนไลน์ ก่อนหน้านี้ เคยถูกชุดเฉพาะกิจของตำรวจจับกุมในข้อหาจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ และมีความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน เป็นคดีความอยู่ที่ สน.บางเขน มาแล้ว
ทว่า ความโด่งดังในชื่อเสียงพนันออนไลน์ กลับกลายเป็นคุณกับตัวเขาไปแบบสังคมงงงวย ช่วงที่พีกที่สุดคงจำกันได้ เมื่อ “เสี่ยโป้” ถึงกับถูกเชิญให้เป็นที่ปรึกษา “ธุรกิจพนันออนไลน์” ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ และเข้าให้ข้อมูลกับกรรมาธิการสภาฯ จนเป็นที่ฮือฮากัน
จากปฏิบัติการรวบ “เสี่ยโป้” คาบ้านครั้งนี้ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. บอกว่า ตามสืบมากว่า 4 เดือน แนวทางสืบสวนพบว่า กลุ่มเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ของ “นายเสี่ยโป้กาแล็กซี่” นั้นถือว่าจัดอยู่ในลำดับต้นๆ ของประเทศ และหลังจากนี้ จะตรวจสอบกวาดล้างให้หมดทุกเครือข่าย ไม่ใช่เพียงแค่เครือข่าย “นายเสี่ยโป้” เท่านั้น
แน่นอนว่า ยุทธการ “ชัตดาวน์กาแลคซี่” บิ๊กปั๊ด นอกจากจะตีปี๊บผลงานกวาดล้างพนัน พบเงินหมุนเวียนเป็นพันล้าน แต่ก็ไม่ได้พูดเชื่อมโยงไปถึงคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งข้อมูลวงในเชื่อว่า ลำพัง “เสี่ยโป้ อานนท์” นักเลงตัวลาย คงไม่เท่าไหร่ น่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
ในวงการนักเลงและวงการพนันนั้น เชื่อกันว่า นายทุนผู้จัดตั้งบ่อนพนันในเครือกาแล็กซี่ออนไลน์ ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ “เสี่ยสมชาย ระยอง” หรือ "หลงจู๊สมชาย" เจ้าพ่อภาคตะวันออก ที่มีเส้นสายเป็น “ผู้มีอำนาจ” ทั้งในวงการสีกากี และทำเนียบรัฐบาลนั่นเอง
อย่าลืมกันว่า บ่อนของ “หลงจู๊สมชาย” ที่ระยอง คือ ต้นตอของซูเปอร์สเปรดเดอร์โควิด ระลอกใหม่ ที่หนีเงื้อมือกฎหมายอย่างลอยนวล โดยที่ ผบ.ตร.ได้แต่แก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก ย้ายนายตำรวจและเลือกที่จะไม่พูดถึงการติดตาม “หลงจู๊” มาลงโทษ ทั้งๆ ที่ประชาชน-เศรษฐกิจของประเทศ ได้รับผลกระทบเดือดร้อนกันแสนสาหัส
ว่ากันว่า “หลงจู๊สมชาย” วางบทบาท “เสี่ยโป้” ให้ทำหน้าที่เป็นผู้โปรโมตชักชวนนักพนัน ให้เข้ามาเล่นในเว็บเครือข่ายกาแล็กซี่ โดย “หลงจู๊” จะเป็นนายทุนสนับสนุนด้านการเงินเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งการบริจาค เพื่อสร้างภาพลักษณ์ต่างๆ
เพราะฉะนั้น การบุกจับ “เสี่ยโป้ อานนท์” ครั้งนี้ หากจะบอกว่า เป็นแค่ “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ก็ไม่ผิดนัก ที่ลึกลงไปใต้ฐาน ยังมี “หลงจู๊” และ ขบวนการหากินกับ “ส่วยบ่อน” ที่เชื่อมโยงกับ “ผู้มีอำนาจ” คอยให้ความช่วยเหลือที่ยังลอยนวลใช้ชีวิตชิลๆ สังสรรค์ นัดกันตีกอล์ฟ แบบเย้ยหยันน้ำยา ผบ.ตร. และรัฐบาล
เมื่อคลืนลมสงบ “เสี่ยโป้” ถูกตัดตอนจบ “หลงจู๊สมชาย” ก็คงจะกลับมาเปิดทำการธุรกิจ ขับเคลื่อนอาณาจักรบ่อนพนันของเขาแบบสบายๆ ต่อไปหรือไม่ ?
งานนี้ ต้องถามใจ “พล.ต.อ.สุวัฒน์” ผบ.ตร.ดูกันเอาเอง
**ศาลฟันฉับ!! คุก 1 ปี ปรับ 25,000 บาท “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” โฆษณาถั่งเช่า อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง...“กาละแมร์” คงหนาวๆ ร้อนๆ บ้างแล้ว !!
บรรดา ดารา นักร้อง เซเลบ คนดัง ที่รีวิว โฆษณาสินค้าอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ทั้งออกทางทีวี และสื่อโซเชียลฯ คงร้อนๆ หนาวๆ กันบ้างแล้วเมื่อศาลลงโทษหนักให้เห็นเป็นตัวอย่าง
กรณีของ นายประยงค์ ยอดบัวงาม หรือ “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ที่โฆษณาขายอาหารเสริมถั่งเช่า ผสมมัลติวิตามินบี และ เสริมอาหารสารสกัดถั่งเช่า ผสมยูซี-ทู ... หากินกับผู้สูงอายุว่า ถ้ามีปัญหาปวดกระดูก ปวดเข่า จะนั่งจะลุกก็ปวด หลังจากกินอาหารเสริมตัวนี้แล้ว 3 เดือน เดี๋ยวนี้อาการปวดไม่มีเลย จึงอยากจะบอกต่อให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาข้อ เข่า ... ซึ่งเป็นการโฆษณาเพื่อจะบอกว่า อาหารเสริมดังกล่าว ทำหน้าที่เหมือน “ยา” รักษาอาาการปวดข้อ ปวดกระดูก โดยไม่ผ่านการตรวจพิจารณาและไม่ได้รับอนุญาตจาก อย.
เมื่อมีผู้ไปร้องเรียนต่อ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทาง อย. จึงไปแจ้งความ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลแขวงนนทบุรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” ในความผิดฐานร่วมกันโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร และร่วมกันโฆษณาคุณประโยชน์คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหาร โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษ ตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 40, 41, 70 71 ประมวลกฎหมายอาญา 83, 91
คดีนี้ “ยิ่งยง” รับสารภาพ ศาลจึงตัดสินได้ทันที ว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 91 ฐานร่วมกันโฆษณาคุณประโยชน์อาหารเป็นเท็จ จำคุก 2 กระทงๆ ละ 1 ปี และ ปรับ 2 กระทงๆ ละ 20,000 บาท เป็นจำคุก 2 ปี และปรับ 40,000 บาท... ฐานร่วมกันโฆษณาคุณประโยชน์อาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 2 กระทงๆ ละ 5,000 บาท รวมเป็นเงิน 10,000 บาท ... รวมจำคุกทั้งสิ้น 2 ปี และปรับ 50,000 บาท
เมื่อจำเลยรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี และปรับ 25,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
เป็นอันว่า “ยิ่งยง” รอดจากการเข้าไปนอนในคุกหวุดหวิด โดนเพียงโทษปรับ เพราะสำนึกผิด รับสารภาพ ศาลจึงเมตตา
เมื่อไปดูคดีของ “กาละแมร์” พัชรศรี เบญจมาศ พิธีกรคนดัง ที่รีวิวอาหารเสริมของตัวเอง อวดอ้างสรรพคุณ ทั้งในเรื่องความงาม ยกกระชับ รักษาโควิด รักษาโรคมะเร็ง โรคซึมเศร้า ซึ่งขณะนี้ คดีอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เรียบร้อยแล้ว ทั้งความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร ...ฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ทางเจ้าหน้าที่ บก.ปคบ. ได้ออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ครั้งที่ 1 แล้ว แต่ “กาละแมร์” ก็ยังโยกโย้ ไม่ไป ขณะเดียวกัน ก็ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลฯ ในเชิงตอบโต้ เหมือนมิได้ยี่หระกับสิ่งที่ได้ทำไป และคดีความ... บอกว่าขาดความรอบคอบไปหน่อย ไม่รู้มาก่อนว่าการนำความรู้สึกของผู้บริโภคมารีวิวต่อนั้น ไม่สามารถทำได้ และยังบอกว่า จะไม่ท้อ ไม่หยุด จะพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นไปอีก...
ก็คงต้องติดตามกันว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ “ออกหมายเรียก” เป็นครั้งที่ 2 แล้ว “กาละแมร์” จะไปรับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ ...ถ้ายังไม่ไปคราวนี้ก็ต้องเจอ “หมายจับ” หรือถ้าไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้วจะ “รับสารภาพ” หรือ “ปฏิเสธ” เพื่อต่อสู้คดี
ทั้งนี้ ข้อหาตาม พ.ร.บ.อาหาร นั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ... ส่วนข้อหาฉ้อโกงประชาชน และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ต้องจับตาบทสุดท้ายของ “กาละแมร์” ว่า ศาลจะเมตตา เหมือนกรณี “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” หรือไม่