ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“พงส์ สารสิน” ตำนานผู้นำตระกูล “สารสิน” บนเส้นทาง “ธุรกิจ-การเมือง” จากไทยน้ำทิพย์ ถึงรองนายกฯ 2 สมัย
นับเป็นข่าวเศร้าของวงการเมืองและธุรกิจต่อการสูญเสีย “พงส์ สารสิน” อดีตรองนายกรัฐมนตรี 2 สมัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ขอนแก่น 2 สมัย อดีตเลขาธิการพรรคกิจสังคม และผู้บริหารกิจการเอกชนชื่อดังหลายแห่ง ซึ่งถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคชรา ในวัย 93 ปี
“พงส์ สารสิน” เกิดเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2470 เป็นบุตรชายคนโตของ “พจน์ สารสิน” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 9 ของไทย กับ “ท่านผู้หญิงสิริ สารสิน” สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาบัญชี จากมหาวิทยาลัยบอสตัน สมรสกับ “คุณหญิงมาลินี วรรณพฤกษ์” มีบุตรธิดา 3 คน ได้แก่ พาสินี ลิ่มอติบูลย์, วัลลิยา สารสิน และ พรวุฒิ สารสิน
“พงส์” ชื่อเดิม “พงส์สิริ” มีที่มาจากความเป็นลูกคนโตที่แม่รัก จึงได้รับการตั้งชื่อตามมารดาว่า “พงส์สิริ” เพื่อนเก่าสมัยเรียนวชิราวุธ จึงติดปากเรียกว่า “พงส์-หริ” แต่ต่อมาในยุคสมัย “จอมพล ป.” แปลก พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ห้ามมิให้ชื่อเป็นหญิง ชื่อ “พงส์สิริ” จึงถูกตัดทอนให้สั้นๆ เป็น “พงส์”
“พงส์” มีน้องร่วมสายเลือดเดียวกันอีก 5 คน คือ “พล.ต.อ.เภา สารสิน” อดีตอธิบดีกรมตำรวจ “บัณฑิต บุณยะปานะ” หรือ ปุ๋ย ซึ่งใช้นามสกุลของป้าที่ขอไปเลี้ยงเพราะไม่มีลูก เป็นอดีตอธิบดีกรมสรรพากร “พิมพ์สิริ สารสิน” หรือ แป๋ว “อาสา สารสิน” หรือ ปุ๊ก น้องคนสุดท้องคือ “พลตรี สุพัฒร์ สารสิน” หรือ เปี๊ยก
การศึกษาขั้นต้น “พงส์” เรียนอนุบาลที่ ร.ร.สุรศักดิ์ ต่อที่วชิราวุธวิทยาลัย จนจบ ม.6 แล้วเรียนเตรียมจุฬาฯ แต่ไม่จบ เดินทางไปเรียนต่อเมืองนอกตามประสงค์ของบิดา จบกระทั่งจบปริญญาตรีทางบัญชี จากมหาวิทยาลัยบอสตัน กลับมาทำงานครั้งแรกที่แบงก์ชาติได้ครึ่งปี ก็ลาออกไปอยู่กรมประมวลข่าวกลาง ปี 2495-2500 จึงลาออกมาอยู่ บริษัท ไทยน้ำทิพย์
ความที่เป็นทายาทคนโตทำให้ “พงส์” ต้องกระโดดลงไปเล่นการเมืองควบคู่ไปกับดูแลธุรกิจของตระกูลสารสิน นับ 101 บริษัท ตั้งแต่บริษัท ไทยน้ำทิพย์ ผู้ผลิตน้ำอัดลม “โคคา โคลา” และต่อมาเปลี่ยนเป็น “โค้ก”
นอกจากนี้ “พงส์” ยังเป็นกรรมการบริษัท ตรีเพชรอีซูซุ ฮอนด้าคาร์ ยางบริดจ์สโตน บริษัท ฝาจีบ โรงงานทำขวดแก้ว แบงก์ไทยพาณิชย์ แบงก์กสิกรไทย ไปจนถึงธุรกิจเหล้า ตั้งแต่ บริษัท ธารา ไก่แดง แสงโสม ไปจถึงเหล้าตราหงส์ทอง และ แม่โขง
เส้นทางการเมืองของ “พงส์” เริ่มตอนที่มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 2516 ได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาสนามม้า พอมีกฎหมายพรรคการเมือง จึงร่วมกับ “ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” ก่อตั้งพรรคกิจสังคม
ในระยะแรก “พงส์” ยังมีบทบาทอยู่เบื้องหลังในฐานะกรรมการบริหาร และเหรัญญิกพรรค ขณะที่บทบาทของ “บุญชู โรจนเสถียร” โดดเด่น ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในปี 2518 และ รองนายกรัฐมนตรีในปี 2523-2524
ถึงกระนั้นการสั่งสมบารมีของ “พงส์” ในพรรคกิจสังคม ได้ทำต่อเนื่องมาจนกระทั่งได้เป็นเลขาธิการพรรค สืบต่อจาก “โกศล ไกรฤกษ์” ในการเลือกตั้งกรรมการบริหาร เมื่อ 7 มีนาคม 2527
“พงส์” ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2529 ในรัฐบาล “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” และปี 2531 ในรัฐบาล “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ” และพ้นจากตำแหน่งในเดือนสิงหาคม 2533
หลังจากที่มีการปรับคณะรัฐมนตรี จาก “ชาติชาย 1” เป็น “ชาติชาย 2” พงส์ได้ลาออกพร้อมหัวหน้าพรรคคือ “พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา” ซึ่งโดยส่วนตัวรู้จักกับพงส์ ตั้งแต่อยู่สหรัฐฯ
ชีวิตส่วนตัวในเรื่องธุรกิจ จากไทยน้ำทิพย์ ภายใต้การบริหารของ “พงส์” ก็เข้าสู่เครื่องดื่มชูกำลัง “มาราธอน” ซึ่งอออกมาชิงส่วนแบ่งตลาดลิโพวิตัน ดี ของ “สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์” ต่อจากนั้นพงส์ก็ร่วมกับทุนญี่ปุ่น ตั้งบริษัทฝาจีบ
“พงส์” หันเข้าสู่ธุรกิจน้ำเมา โดยได้รับการชักชวนจาก อีสต์เอเชยติ๊ก กับแบงก์กสิกรไทย ทำเหล้า แต่เมื่อไม่ได้รับใบอนุญาต ก็เลิกไป ต่อมาก็ร่วมกับ “ประสิทธิ์ ณรงค์เดช” ทำเหล้าแสงโสม จนกระทั่ง “เถลิง เหล่าจินดา” มาซื้อแล้วชวนเข้าหุ้นด้วย ตั้งบริษัท สุราทิพย์ ผลิตเหล้าแสงโสม กับหงส์ทอง ต่อสู้ขับเคี่ยวกับ บริษัท สุรามหาราษฎร เจ้าของ “แม่โขง” มาตลอด 6 ปี กว่าจะยุติสงครามน้ำเมา เมื่อ 7 มีนาคม 2527
นอกจากกิจการดังกล่าว “พงส์” ได้เข้าไปร่วมกับการจัดตั้ง บริษัท ไทยแลนด์แทนทาลั่ม อินดัสตรี เมื่อปี 2522 ด้วย แต่ต่อมาได้เกิดเหตุเผาประท้วงการตั้งโรงงานแทนทาลั่ม ที่ภูเก็ต
“พงส์” ได้ก้าวเข้าธุรกิจธนาคาร โดยเป็นกรรมการแบงก์ไทยพาณิชย์ ในอดีตบิดาคือ “พจน์ สารสิน” เป็นประธานกรรมการบริหารแบงก์ไทยทนุมานาน และปู่ หรือ “เจ้าคุณสารสิน” ก็เคยเป็นประธานแบงก์ไทยพาณิชย์ คนแรก
ตำแหน่งทางธุรกิจที่สำคัญที่ “พงส์” เคยเป็นอีกอย่างหนึ่ง คือ นายกสมาคมอุตสาหกรรมไทย (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นสภาอุตสาหกรรมไทย)
จากวันนี้นถึงวันนี้ ชื่อของ “พงส์ สารสิน” ได้ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ ฐานะนักธุรกิจ-นักการเมือง อย่างแท้จริง
การถึงแก่อนิจกรรมของ “พงส์ สารสิน” จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ จึงขอแสดงความอาลัยมา ณ ที่นี้ด้วย.
** “ชู 3 นิ้ว” ลามเมียนมา นักการเมือง แพทย์ ดารา แห่โพสต์ ... เจอ “เพจมองพม่า” กระตุกให้คิด นั่นไม่ใช่การต้านรัฐประหาร แต่เป็นสัญลักษณ์ของการก่อความไม่สงบ !!
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ยึดอำนาจในเมียนมา ทำให้ชาวเมียนมาในเมืองไทย ที่ยืนข้าง “อองซาน ซูจี” นัดกันไปประท้วงที่หน้าสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ขณะที่กลุ่ม “ม็อบ 3 นิ้ว” นำโดย “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ แกนนำการ์ดกลุ่มวีโว่ เข้าเข้าร่วมผสมโรง ไปชู 3 นิ้ว ต่อต้านเผด็จการ
ยังมี “หม่องทอน” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ก็มาร่วมบัญชาการ “แย่งซีน” ม็อบเมียนมา สร้างความฮึกเหิมให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม จนถึงขั้นกระทบกระทั่ง ขว้างปาประทัดยักษ์ ไม้ ก้อนหิน และสิ่งของต่างๆ ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มากระชับพื้นที่
สื่อต่างชาติเรียกเหตุการณ์ที่เครือข่ายลิ่วล้อของ “ธนาธร” ไปสร้างความวุ่นวาย และปะทะกับตำรวจที่หน้าสถานทูตเมียนมาครั้งนี้ ว่า เป็นการไฮแจ็ก (Hi Jacked) ทำลายความชอบธรรม ลดคุณค่าของการชุมนุมประท้วงของคนพม่าให้ด้อยลง
แน่นอนว่า ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ทั้งในสื่อหลักและสื่อโซเชียลฯ ซึ่งคนเมียนมาที่ “ไม่รู้ขี้ รู้ไส้” ของ “ทอน” กลุ่มม็อบ 3 นิ้ว เลยพากันยกย่องเชิดชูคนเหล่านี้ เห็นว่าเป็นผู้มีอุดมการณ์เดียวกัน เป็นแนวร่วมในการต่อต้านอำนาจเผด็จการ
การแสดงออกทางสัญญลักษณ์ด้วยการ “ชู 3 นิ้ว” จึงลามไปถึงเมียนมา!!
บรรดานักการเมือง มวลชนในซีกของ “ซูจี” กระทั่งแพทย์ในเมียนมาบางคน ยังขู่หยุดงาน พร้อมโพสต์ภาพ “ชู 3 นิ้ว” ในโซเชียลฯ ต่อต้านการยึดอำนาจของฝ่ายทหาร แทนการเคาะหม้อ เคาะถัง กาละมัง กระทะ ตามขนบเดิมๆ
แม้แต่ “ไป๊ ทาคน” นายแบบซูเปอร์โมเดลเมียนมา ก็ออกมาเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ เป็นรูปชู 3 นิ้ว ต่อต้านเผด็จการแบบจริงจัง เช่นเดียวกับ “คิทคิท” วุด มน ชเว ยี ดาราสาวคนดังของเมียนมา ก็ประกาศสนับสนุนการอารยะขัดขืน เพื่อปกป้องประชาธิปไตยในเมียนมา
ปรากฏการณ์ “ชู 3 นิ้ว” ในเมียนมาที่กำลังแผ่ขยายออกไป คงสร้างความพออกพอใจให้กับกลุ่ม 3 นิ้ว ในเมืองไทยไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม “เพจเฟซบุ๊ก LOOK Myanmar” ซึ่งนำเสนอมุมมอง แนวคิด และชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมของคนเมียนมา โดยแอดมินเพจเป็นคนไทย ก็ได้โพสต์ข้อความอธิบายถึงการใช้สัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว ในไทย ว่า...
เรียนสมาชิกที่เป็นชาวเมียนมาที่เคารพนะครับ ด้วยความที่เราทีมงานแอดมินเป็นผู้ที่มาทำงาน อาศัย มีครอบครัว ใช้ชีวิตในเมียนมา และทั้งรัก และสำนึกในบุญคุณประเทศนี้อย่างที่สุด ... ทีมแอดขอร้องชาวพม่าทุกท่านที่อ่านเพจนี้ว่า ช่วยบอกท่านนี้ (ในภาพเป็นแพทย์ในเมียนมา ขู่หยุดงานเพื่อต่อต้านรัฐประหาร) ทีครับ ว่าให้ใช้สัญลักษณ์อื่นแทน 3 นิ้ว
ท่านจะใช้ “2 นิ้วสู้ๆ” หรือ 5 นิ้วเพื่อบอกว่า “Stop dictative” อะไรก็ได้ ท่านทำเลยครับ... เพราะการใช้ 3 นิ้วของท่าน มีพวกที่มิชอบ และสร้างปัญหาในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงก่อความไม่สงบ ก่อคดี รวมถึงล่าสุดที่หน้าสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทยนั้น กำลังเอาท่านมาใช้เป็นพวก เป็นเครื่องมือ
เราทีมงานเคารพการตัดสินใจในการต่อสู้ของคนเมียนมา... แต่อย่าตกเป็นเครื่องมือของใครที่ไม่ได้มีความจริงใจต่อประเทศเมียนมาอย่างแท้จริง!!
หวังว่า โพสต์นี้ของเพจ “LOOK Myanmar” จะกระตุกให้คนเมียนได้ฉุกคิด และตาสว่างขึ้น จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของนักฉวยโอกาส !!