“นนท์ พลางวัน” หรือ “แวง พลังวัน” ชื่อนี้หลายคนอาจรู้จักในฐานะเป็น “นักรบวัฒนธรรมลูกอีสาน” มีความรู้เรื่องเพลงลูกทุ่งอีสานแบบหาตัวจับยากคนหนึ่ง ผลงานเขียนด้านวัฒนธรรมอีสานที่สร้างชื่อ อาทิ หนังสือสารคดีอีสานชุด “ลูกทุ่งอีสาน : ประวัติศาสตร์อีสาน ตำนานเพลงลูกทุ่ง”, อีสานไรเตอร์ วรรณกรรม ดนตรี ศิลปะ และมูนมังอีสาน เป็นต้น
แต่อีกด้านหนึ่ง “นนท์ พลางวัน” คือสื่อมวลชนที่ทำงานเอาจริงเอาจริงในวิชาชีพ เพื่อสืบหาความจริงนำมาตีแผ่สู่สังคม จนเพื่อนร่วมงานบางคนบอกว่า เขาคือคนที่ทำงานด้วยชีวิต ยอมทุ่มเททั้งชีวิตให้กับเรื่องราวที่เขาสนใจ ยกตัวอย่างเช่น เขาเคยปลอมตัวเข้าไปในพม่าเพื่อพูดคุยกับผู้อพยพ เคยลักลอบผ่านช่องทางธรรมชาติเข้าไปทำข่าวในพื้นที่ยึดครองของเขมรแดง เป็นต้น
ชีวิตในวงการสื่อสารมวลชนนั้น “นนท์ พลางวัน” ร่วมชายคา “ผู้จัดการ” มาตั้งแต่ “ผู้จัดการปริทรรศน์” ด้วยความแตกฉานด้านภาษาและเขียนเล่าเรื่องได้อย่างสนุกสนาน ก่อนย้ายมาอยู่ “ศูนย์ข้อมูลอินโดจีน” ที่เครือผู้จัดการก่อตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับการเปิดประเทศของเพื่อนบ้านในภูมิภาคอินโดจีนพร้อมกับการไหลบ่าเข้าไปของทุนไทย ในราวปี 2535 จนกระทั่งในปี 2541 หลังจากศูนย์ข้อมูลอินโดจีนต้องปิดตัวลงด้วยผลกระทบจากวิกฤติต้มยำกุ้ง “นนท์ พลางวัน” ยังคงอยู่กับ “ผู้จัดการ” ในฐานะผู้สื่อข่าวอาวุโสของ “ทีมข่าวพิเศษ” ทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน เจาะลึกประเด็นสั่นสะเทือนสังคม
ผลงานที่ “ทีมข่าวพิเศษ” ฝากเอาไว้ในช่วงที่ “นนท์ พลางวัน” เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ มีมากมายหลายเรื่อง อาทิ โครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน, GMOs พืชตัดต่อพันธุกรรม, หนี้สินเกษตรกร, เกษตรเชิงเดี่ยว ฉิบหายตายเห็นๆ, ซีรี่ย์ “ครอบงำ” จากโลกาภิบาลถึงสภาพัฒน์, ซีรี่ย์ สารพิษอ่าวไทย ฯลฯ
โดยเฉพาะรายงานข่าวเปิดโปงโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน มูลค่า 23,000 ล้าน เป็นผลงานชิ้นเอก ที่ต้องถูกบันทึกในประวัติศาสตร์คดีทุจริตขอประเทศ ส่งผลไปถึงรัฐบาลในยุคนั้นต้องตัดสินใจยกเลิกโครงการ นักการเมืองดังที่เกี่ยวข้องอย่าง “วัฒนา อัศวเหม” ถูกดำเนินคดีจนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ และกลายเป็นบทเรียนการทำโครงการ “บิ๊กโปรเจกต์” ของรัฐบาลต่อๆ มา ขณะที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) ก็จัดให้บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านเป็น 1 ใน 10 คดีทุจริตครั้งประวัติศาสตร์ และถูกบรรจุเข้า “พิพิธภัณฑ์โกงชาติ” เทียบเคียงกับ คดีจำนำข้าวและ คดีทุจริตสร้างโรงพัก
รายงานข่าวชุด “บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน:บทสะท้อนความผิดพลาดและการทุจริตในโครงการแก้ไขปัญหาสิ่ง” ยังได้รับรางวัลอิศรา อมันตกุล ในงานประกวดข่าวของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยได้รางวัล “ข่าวดีเด่น” ในประเภท “ข่าวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” และ รางวัลข่าวชมเชย ในประเภทข่าวยอดเยี่ยม ประจำปี พ.ศ.2545
ด้วยความสนใจของสาธารณชนอย่างล้นหลามต่อโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จึงมีการนำข้อมูลไปตีพิมพ์เป็นหนังสือชื่อ “บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โครงการผลาญชาติ” โดยกลุ่มศึกษาและรณรงค์มลภาวะอุตสาหกรรม เป็นผู้จัดพิมพ์
นอกจากนี้ ยังมีผลงานอื่นๆ ที่ได้รับรางวัลอิศรา อมันตกุล เช่นกัน อาทิ “วิกฤตมลพิษฝั่งทะเลตะวันออก” ได้รางวัล ข่าวชมเชย ประเภทข่าวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในปี 2543
“ศึกแย่งชิงพันธุกรรมข้าวหอมมะลิโจรสลัดชีวภาพในคราบเพื่อนที่แสนดี” ได้รางวัลข่าวชมเชย ประเภทข่าวยอดเยี่ยม ประจำปี 2544
อีกผลงานชิ้นเอกที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยก็คือ “ได้เวลาถลกหนัง ไอ้เสือคล้อย” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีย์ “ครอบงำ” มีเนื้อหาชำแหละให้เห็นความล้มเหลวของ “สภาพัฒน์” ที่ทำตัวโอนเอียงไปรับใช้ผู้มีอำนาจครอบงำตลอด จนหลงลืมปรัชญาการพัฒนาที่ยั่งยืน รายงานพิเศษชุดนี้ ได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่ม และยังคงมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันในสตลาดหนังสือมาจนทุกวันนี้
ประมาณปี 2545 นนท์ พลางวัน ลาออกไปทำงานเชิงวัฒนธรรม ลงลึกความเป็น “ลาว” รากเหง้าของบรรพบุรุษชาวอีสาน ถึงขั้นย้ายภูมิลำเนา ไปอยู่ อ.ชียงคาน จ.เลย ล่าสุดหันมาเปิดแนวรบทางโซเชียลมีเดีย เป็นทูปเบอร์ช่อง “พราวอีสาน” หรือ “Proud Isan Channel” ถ่ายทอดความรู้ที่ลงลึกถึงรากเหง้าในความเป็นอีสานทั้งในมิติของภาษา ดนตรี และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน
“นนท์ พลางวัน” เข้ารักษาอาการป่วยที่ รพ.จังหวัดเลย หลังจากมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2564 และจากไปอย่างสงบ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา สิริอายุได้ 65 ปี