รัฐปรับเกณฑ์เราเที่ยวด้วยกัน ครอบคลุมผู้รับสิทธิ นายกฯ จี้ทุกกระทรวงเร่งแผนฟื้นฟู ศก.

รองโฆษกรัฐบาล เผยปรับเกณฑ์เราเที่ยวด้วยกันอีกรอบ ครอบคลุมผู้รับสิทธิตั้งแต่ 1 ธ.ค. 63 สนับสนุนประชาชนให้ความร่วมมือลดเดินทางช่วงโควิดระบาดระลอกใหม่ เผยนายกฯ กำชับทุกกระทรวงเร่งแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจ

วันนี้ (27 ม.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือภาครัฐในการควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อจากไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่เริ่มตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. 2563 เป็นต้นมา ล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ปรับเกณฑ์เงื่อนไขรายละเอียดของโครงการฯ ให้ครอบคลุมผู้ได้รับสิทธิที่ได้จองที่พักตามโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2563 ด้วยซึ่งการปรับเกณฑ์ดังกล่าวได้รายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบแล้ว

ทั้งนี้ การปรับเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการเพิ่มเติมจากมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2564 ที่ปรับเกณฑ์กำหนดให้ผู้ใช้สิทธิตามโครงการฯ เลื่อนการเดินทางอออกไปได้จนถึงเดือน เม.ย. 2564 เฉพาะผู้ที่มีการจองที่พักช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2564 เท่านั้น

“เกณฑ์ที่ปรับเพิ่มเติมนี้จะครอบคลุมผู้จองห้องพักตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2563 เป็นต้นมา แต่การเลื่อนการเข้าพักจะต้องไม่เกินระยะเวลาสิ้นสุดโครงการคือวันที่ 30 เม.ย. 2564 ส่วนเกณฑ์อื่นๆให้ยึดรายละเอียดตามที่ได้ปรับปรุงตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2564” น.ส.ไตรศุลีกล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้ ททท. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนิการหารือกับกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการเปลี่ยนหลักเกณ์และเงื่อนไขรายละเอียดของโครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์และมติ ครม.ที่เกี่ยวข้อง และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องเข้าใจรายละเอียดการที่เปลี่ยนแปลงโดยเร็วที่สุด

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดทุกกระทรวงกำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัดที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 หรือ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ให้เร่งดำเนินโครงการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายเพื่อให้สามารถเบิกจ่ายโครงการโดยเร็ว และการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ