xs
xsm
sm
md
lg

รุมด่า “ดีเจมะตูม” สนั่นโซเชียลฯ หลังรู้พูดความจริง “ปาร์ตี้” ซูเปอร์สเปรดเดอร์ไม่หมด **“ทยา ทีปสุวรรณ” ลงชิงผู้ว่าฯ กทม. ก็เมื่อคันนักก็ให้รู้ๆ กันไปโลกจริงนั้นต่างกับมโนมั้ย? ** โดนอีกดอก!! ข้อหาฉ้อโกงประชาชน แต่ “กาละแมร์” ก็ไม่สำนึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์







ข่าวปนคน คนปนข่าว

**มะรุมมะตุ้ม รุมด่า “ดีเจมะตูม” สนั่นโซเชียลฯ หลังรู้พูดความจริง “ปาร์ตี้” ซูเปอร์สเปรดเดอร์ไม่หมด จน “อั้ม-พัชราภา” ไม่ไหวจะทน

กลายเป็นไวรัลร้อนแรงถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในโลกโซเชียลฯ กรณี “ดีเจมะตูม” เตชินท์ พลอยเพชร ติดเชื้อโควิด แต่พูดความจริงไทม์ไลน์ไม่หมด แหก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนเกิดซูเปอร์สเปรดเดอร์ ติดต่อกันร่วม 19 คนไปแล้ว

งานนี้ ชาวเน็ตสามัคคีชุมชุมด่าทอต่อพฤติกรรมของ “ดีเจมะตูม” ที่ปิดๆ บังๆ ถึงที่มาของการติดเชื้อ เมื่อรู้ความจริงว่าเกิดจากการใช้ชีวิตติด “ปาร์ตี้” เอนฯกันสนุกไร้ขอบเขต ไม่รู้จักรับผิดชอบต่อสังคมจัด “วันเกิด” มีคนมารวมกันเป็นหมู่คณะสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ
ช่วงแรกๆ มะตูมได้รับความเห็นใจจากสังคม เพราะถือว่าคนที่ติดโควิดนั้น ไม่ผิด แต่มาผิดตรงที่ก็น่าจะรู้ว่า ตัวเองเสี่ยงติดแล้วแต่ก็ยังไม่รู้ตัว ไม่ยอมกักตัว หรือเข้ารับการตรวจ จนว่ากันว่า สาเหตุที่ “มะตูม” ยอมไปตรวจจริงๆ เพราะ “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ ไม่ยอมให้เข้างานวันเกิด ไล่ให้ไปตรวจโควิด ความจริงก็เลยแตกดังโพละ !
พอออกมาแบบนี้ไทม์ไลน์ที่แท้จริงของ “ดีเจมะตูม” จึงถูกขุดรัวๆ พร้อมๆ กับข้อมูลไทม์ไลน์ของคนอื่นๆ จากการสอบสวนโรคของคนที่สัมผัสในกลุ่ม “คลัสเตอร์ดีเจมะตูม” ซึ่งปรากฏว่า มีหลากหลายอาชีพ ตั้งแต่ตำรวจ นายหน้า นักธุรกิจ นักข่าว บางรายก็ปกปิด บอกความจริงไม่ครบถ้วน
แต่เรื่องของเรื่องก็ย้อนกลับมาที่งานปาร์ตี้วันเกิดดีเจมะตูม ตั้งแต่ 9 ม.ค. จัดที่โรงแรม มีคนที่เพิ่งกลับจากเที่ยวสถานบันเทิงเชียงใหม่ ที่มีโควิด มาร่วมงานด้วย
“ดีเจมะตูม” พูดถึงงานวันเกิดของเขา ว่า ไม่ได้จัดงานปาร์ตี้ เป็นเพียงการทานข้าวกันตามปกติบนรูฟท็อปของโรงแรมเท่านั้น แต่อยู่ดีๆ ก็มีเพื่อน รวมไปถึงคนที่ติดโควิด มาเซอร์ไพรส์ มีการกอด และหอมแก้มกัน
สำหรับคนในงานวันเกิด “ดีเจมะตูม” มีทั้งหมด 13 คน ดีเจมะตูมยืนยันว่า ไม่มีเพื่อนดารามาร่วมงาน และไม่มีเด็กเอนฯ ตามที่มีข่าวลือออกมาแต่อย่างใด

“อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ - “ดีเจมะตูม” เตชินท์ พลอยเพชร
จากปาร์ตี้วันเกิดตัวเองมาถึงเรื่อง “อั้ม-พัชราภา” ไม่ไหวจะทน เมื่อความจริงค่อยๆ ปรากฏมาถึงจุดนี้ จึงเป็นประเด็นจากสังคมว่า ในขณะที่ประชาชนคนธรรมดาระมัดระวัง และให้ความร่วมมือกับรัฐอย่างเต็มที่ แต่ดาราบางกลุ่ม ยังลั้ลลา เฮฮา เที่ยว ปาร์ตี้ รวมกลุ่มเกิน 5 คน ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม และชนชั้นดารามีอภิสิทธิ์อะไรที่ยังใช้ชีวิตเหมือนไม่มีโรคระบาดอยู่ได้
ยิ่งเรื่องนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับกรณีโควิดระบาดที่สมุทรสาคร ซึ่งแรงงานต่างด้าวติดเชื้อ เพราะทำมาหากินเลี้ยงปากท้อง แต่กลับถูกประณามด่าทอ ตั้งข้อรังเกียจ
ขณะที่พ่อเมือง “วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่ทุ่มเททำงานต่อสู้กับการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่จนตัวเองได้รับเชื้อ อาการยังน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ยิ่งทำให้สังคมรับไม่ได้กับกรณี “ดีเจมะตูม” ซูเปอร์สเปรดเดอร์ ที่ไม่รู้รับผิดชอบต่อสังคม
คำถามดังขึ้นเรื่อยๆ ว่า เคสของมะตูม = อภิสิทธิ์ชน และความสองมาตรฐานหรือไม่
งานนี้ ว่ากันว่า ถ้ารัฐไม่มีบทลงโทษทางกฎหมายกับ “ดีเจมะตูม” และหลังจากนี้ ผู้จัด หรือสปอนเซอร์สนับสนุนยังให้โอกาสดารา หรือ คนบันเทิงที่มีพฤติกรรมแบบนี้โดยไม่มีบทลงโทษ ก็อาจจะเป็นชนวนที่จะเกิด “โซเชียลแซงชัน” ต่อผู้จัด หรือแบรนด์สินค้านั้น ลุกลามไปเป็นวง ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไป...
จับตากันดูให้ดีๆ งานนี้ไม่ใช่แค่ดรามาด่าทอกันแค่นี้แน่




**“ทยา ทีปสุวรรณ” ลงชิงผู้ว่าฯ กทม. ก็เมื่อคันนักก็ให้รู้ๆ กันไปโลกจริงนั้นต่างกับมโนมั้ย?


ทยา ทีปสุวรรณ - พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา
ปี่กลองโหมโรงศึกชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ที่เริ่มดังก็มีผู้ปรารถนาลงชิงชัยเปิดตัวมาให้ได้ยลกันบ้างแล้ว ทั้ง “อดีต รมว.ที่แข็งแกร่งในปฐพี” ชัชชาติ หรือ “อดีต ผบ.ตร.” บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และมาล่าสุด “ทยา ทีปสุวรรณ” เซเลบ กกปส. อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. และภรรยา “ครูตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
“ทยา” นั้นออกตัวทีหลัง แต่ออกตัวแรง โดยมีสามี “ณัฏฐพล” สวมบทป๋าดันแบบไม่กระมิดกระเมี้ยน ทั้งนัด ส.ส.กทม. บางส่วน ส.ก.และ อดีตผู้สมัคร ส.ส. ประชุมแล้วเข้าพบ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เพื่อให้สนับสนุน “ทยา” ผู้ภรรยา ลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรค
ว่ากันว่า สองสามีภรรยา “ทีปสุวรรณ” มั่นใจมาก ด้วยการประเมินขุมกำลังที่จะสนับสนุน ทั้งดูจากการเคลื่อนไหวสมัยที่เป็นแกนนำระดับเซเลบ กกปส. กับ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ แล้วก็ไม่น่าจะพลาด มาวินแน่ๆ
ขณะที่ก็คิดว่า พรรค พปชร. ยังไม่มีตัวเลือก การชิงเสนอตัวก็น่าจะดีต่อลุงๆ เพราะถ้าเป็น “คนนอก” ก็มีอัตราเสี่ยงสูงที่จะพ่ายแพ้ต่อคู่แข่ง ที่มีฐานเสียงของเพื่อไทย และก้าวไกล ให้การสนับสนุนอยู่แล้ว
เรียกว่าตอนนี้ “ครูตั้น” ฮึกเหิม “ทยา” ก็คึกคัก คันไม้คันมือ ไม่งั้นคงไม่เสนอตัว แถมมองข้ามช็อตกระทั่งว่า หากผิดแผน พปชร.ยึกยักไม่ส่งลงสมัคร หันไปเลือก “บิ๊กแป๊ะ” จากความชื่นชอบและความสัมพันธ์ส่วนตัวของลุงๆ ตัวเองก็มีดีพอที่จะลงอิสระ ไม่กลัวหน้าแหก ไม่แคร์ และว่าจะท้าชน “บิ๊กแป๊ะ” หรือ คู่แข่งคนอื่นๆ ทุกสนาม ด้วยความมั่นใจจะเป็น “ผู้ชนะ”
ช็อตนี้ก็ต้องมาดูกันว่า เมือ “ทีปสุวรรณ” ตั้น-ทยา เกิดอาการคันในหัวใจ อะไรๆ จะเป็นไปตามนึกคิดหรือไม่
ต้องไม่ลืมว่า มีความจริงบางประการ ที่ก็รู้ๆ กันว่า การชนะศึกเลือกตั้งทั่วไปของ พปชร.ในสนาม กทม.ครั้งก่อน หากไม่มี “กระแส” ของผู้สูงศักดิ์ในโค้งสุดท้าย และหากไม่มีมวลชน กกปส. ที่ตอนนั้นก็ยังเกาะกันอยู่บ้างหนุนส่ง ก็ยังสงสัยว่า กลุ่มส.ส.ในกทม. ของ พปชร. ยังจะได้รับเลือกหรือไม่
สองปัจจัยนี้ เปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา ตัวแปรและคะแนนนิยมใน พปชร. ก็เปลี่ยนไปตาม มวลชน กกปส. วันนี้ก็ไม่รู้ว่ายังจะมีแค่ไหน เซเลบแกนนำเคยมีคนรู้จัก วันนี้ยังจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่
ไหนๆ “ทยา” ก็คัน เสนอตัวลงชิงชัยผู้ว่าฯ กทม. ก็คงมีคนอยากให้ถึงวันเลือกตั้งเร็วๆ ซึ่งนั่นจะพิสูจน์ว่าระหว่างโลกความจริง กับโลกมโน นั้น มันจะแตกต่างกันแค่ไหน
ก็ให้มันรู้ๆ กันไป



** โดนอีกดอก!! ข้อหาฉ้อโกงประชาชน แต่ “กาละแมร์” ก็ไม่สำนึก บอกไม่ท้อ ไม่หยุด ยังสนุก แม้เส้นทางนี้จะมีทั้งคราบเลือดและน้ำตา

“กาละแมร์” พัชรศรี เบญจมาศ
กรณีดรามารีวิวสินค้าเวอร์ “เกินจริง” ทั้ง ยกหน้ากระชับ กรอบหน้าชัด เหนียงหาย หน้ายก ตาที่เคยหนังตาตกก็เป็นตา 2 ชั้น รอยขมวดคิ้วหาย ร่องแก้มตื้น จมูกเข้ารูป จนถูกองค์การอาหารและยา (อย.) สั่งระงับโฆษณา หรือโปรโมตผลิตภัณฑ์อาหารเสริม “Botera” ของ บริษัท พาวเวอร์ชอต ที่ “กาละแมร์” พัชรศรี เบญจมาศ พิธีกรดังเป็นคนรีวิว และเป็นเจ้าของสินค้า
พร้อมมีหนังสือถึง ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อดำเนินคดี ข้อหา “โฆษณาสรรพคุณอาหารอันเป็นเท็จ หลอกลวงให้หลงเชื่อ” มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ... เป็นคดีที่ 8 หลังจากที่เคยถูกดำเนินคดีในลักษณะนี้มาแล้วถึง 7 คดี
จากนั้นในโซเชียลฯ ก็มีคนไปขุดเอาคลิปที่ “กาละแมร์” รีวิวอาหารเสริมตัวเดียวกันนี้ว่า มีสรรพคุณในการสร้างภูมิคุ้นกัน และรักษาโรคโควิด-19 รวมทั้งรักษาโรคมะเร็ง ออกมาแฉอีกรอบ
คราวนี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึง เพราะถือว่าการยกเอาเรื่องป้องกัน รักษาโรคโควิด โรคมะเร็ง ที่เป็นเรื่อง “คอขาดบาดตาย” มาเป็นจุดขายนั้น หนักหนาสาหัสกว่าเรื่องความสวย ความงาม ยกกระชับ ...ถ้าใครหลงเชื่อ กินอาหารเสริมแล้วมั่นใจในสรรพคุณ จนละเลยไม่ระมัดระวังป้องกันตัวเอง อาจถึงตายได้
โทษตาม พ.ร.บ.อาหาร ที่เคยดำเนินคดีไปนั้น ดูจะเบาไป เพราะส่วนใหญ่ไม่ถึงกับจำคุก จะมีก็โทษปรับ เมื่อเทียบกับรายได้จากการขายสินค้าหลักสิบล้าน ร้อยล้านแล้ว ถือว่าเล็กน้อยมาก จึงมีการทำผิดซ้ำซาก ไม่เข็ดหลาบ...กระแสในโซเชียลฯ จึงเห็นควรว่า ต้องดำเนินคดีในข้อหาที่หนักกว่านี้ อย่างข้อหาหลอกลวงประชาชน ฉ้อโกงประชาชน ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ล่าสุด ทางกลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชัน ได้ส่งตัวแทน เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) แจ้งความดำเนินคดีกับ “กาละแมร์” ในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(1) และฉ้อโกงประชาชน ที่โฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเกินจริง ว่ากินแล้วเสริมสร้างภูมิต้านทาน ป้องกันเชื้อโควิดได้ ... เป็นคดีที่ 9 ของกาละแมร์ กับการรีวิวสินค้าตัวนี้
แต่ดูเหมือนว่า “กาละแมร์” มิได้ยี่หระ... ยังออกมาโพสต์ข้อความพร้อมภาพผ่านอินสตาแกรม ในทำนองบอกให้ตัวเองสู้ๆ ว่า... “ขยันหมั่นเพียร ไม่ท้อไม่หยุด และตลอดเส้นทางมันสนุก แม้จะมีทั้งคราบเลือดและน้ำตา” และได้เขียนแคปชันประกอบภาพว่า
“ขอบพระคุณทุกคำแนะนำจากทุกคน ผู้ใหญ่จากทุกหน่วยงานภาครัฐ ทำให้แมร์ได้พัฒนาทุกอย่างให้ถูกต้อง แมร์ได้เรียนรู้ เติบโต ได้เข้าใจในกฎ ระเบียบ แม้จะพูดตามข้อเท็จจริง แต่ถ้าไม่ตรงกับกฎที่มี ก็ไม่สามารถ แมร์อาจไม่ทราบทุกกฎ ทุกเรื่อง ต้องกราบขออภัยจากใจ และแมร์ขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่ส่งทั้งกำลังใจ รีวิวการกินมาอย่างทะลักทะล้น แมร์ซาบซึ้งไม่มีวันลืม สัญญาจะทำผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นไปอีกเรื่อยค่ะ”
ความระหว่างบรรทัด บ่งบอกว่า กาละแมร์ “มิได้สำนึก” ในสิ่งที่สังคมกำลังประณาม ในสิ่งที่ตนเองทำไปว่าผิดกฎหมาย เพราะที่ผ่านมา อาจจะเคยแค่ถูกปรับ เรื่องก็จบกันไป...เพื่อเป้าหมายพันล้าน หมื่นล้าน ต้องเดินหน้าต่อ
ครั้งนี้ คงต้องติดตามกันว่าการพิจารณาคดี สำหรับผู้ที่ไม่สำนึกในความผิดที่ทำลงไป ยังคงทำผิดซ้ำซาก ไม่เข็ดหลาบ... ศาลจะพิพากษาโทษถึงจำคุกหรือไม่ !!




กำลังโหลดความคิดเห็น