โฆษก ศบค.แถลงจากอุบลราชธานี ไทยติดเชื้อ 287 ราย ในประเทศ 278 ราย ค้นหาเชิงรุกในสมุทรสาคร 125 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่มเติม กระจายแล้ว 59 จังหวัดหลังร้อยเอ็ดไข่แตก ระบุกราฟยังชัน ขอทุกคนร่วมมือ 100% กดให้เป็นแนวราบ ชมมาตรการ จ.อุบลฯ รับมือเยี่ยม
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงระหว่างการลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ว่าสถานการณ์ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 287 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 278 ราย ในจำนวนนี้มาจากระบบการเฝ้าระวัง 153 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 125 ราย โดยพบที่ จ.สมุทรสาครทั้งหมด เป็นแรงงานต่างด้าว 121 ราย คนไทย 4 ราย นอกจากนี้ มาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ 9 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 10,834 ราย อยู่ระหว่างรักษา 4,035 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 28 ราย หายป่วยสะสม 6,732 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 67 ราย อย่างไรก็ตาม ถ้าดูจากกราฟตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นรายสัปดาห์ของเรายังชันสูงขึ้น ขอแรงทุกคนดึงลงมาให้ได้ ถ้าปลอดภัยกราฟต้องเป็นแนวราบ ต้องร่วมมือให้ได้ 100% เท่านั้นที่จะทำให้โรคนี้หายไปจากประเทศเรา ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 91,314,370 ราย เสียชีวิตสะสม 1,952,879 ราย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ขณะนี้มีผูู้ติดเชื้อกระจายไปแล้ว 59 จังหวัด ล่าสุดคือ จ.ร้อยเอ็ด เป็นหญิงไทยอายุ 48 ปี เป็นพนักงานคาราโอเกะใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เข้ารับการตรวจเมื่อวันที่ 9 ม.ค. พบตรวจเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 10 ม.ค. ทั้งนี้ จากข้อมูลทั้งประเทศ มีจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสะสมเกิน 50 ราย จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง กทม. สมุทรปราการ จันทบุรี นนทบุรี นครปฐม อ่างทอง ปทุมธานี มีจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสะสม 11-50 ราย จำนวน 12 จังหวัด มีจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสะสม 1-10 ราย จำนวน 37 จังหวัด และจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อมาก่อน 18 จังหวัด จึงขอให้ 18 จังหวัดดังกล่าวตรึงมาตรการป้องกันไว้ให้เป็นจังหวัดไร้ผู้ติดเชื้อไปตลอด
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกัน (12 ม.ค.) ตนได้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอุบลราชธานีที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นประธาน ได้สอบถามว่าตนที่มาจาก จ.นนทบุรี ต้องกักตัว 14 วันหรือไม่ ได้รับคำตอบว่าาไม่ต้อง เพราะพื้นที่ที่ต้องกักตัวหากมาจาก จ.นนทบุรี มีแค่ อ.บางบัวทอง และบางใหญ่เท่านั้น ส่วนตนพักอาศัยที่ อ.ปากเกร็ด และทำงานอยู่ที่อำเภอเมืองฯ จึงไม่ต้องกักตัว แต่ถึงอย่างไรก็ขอให้ทุกคนยอมรับกติกาที่แต่ละจังหวัดมีออกมา โดยในพื้นที่ จ.อุบลราชธานีที่ตนมาลงพื้นที่วันนี้เพื่อมาดูการจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามที่ รมว.สาธารณสุข ให้มีในทุกจังหวัด โดย จ.อุบลราชธานี เตรียมโรงพยาบาลสนามไว้ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี รองรับกรณีหากมีผู้ป่วยจำนวนมาก 100-1,000 ราย หากน้อยกว่านั้นให้ใช้เตียงของโรงพยาบาลที่มีอยู่ และตนรู้สึกประทับใจการคัดกรองคนเข้าพื้นที่ของจังหวัดนี้ ที่ตั้งแต่ต้นปี 2564 อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่ (อสม.) มีการทำทะเบียนและติดตามคนที่เข้ามาในพื้นที่ มีการบันทึกเอาไว้ 26,000 กว่าคน เป็นผู้มาจากพื้นที่เสี่ยงสูง 1 หมื่นกว่าคน ซึ่งยังไม่พบผู้ติดเชื้อ แต่จะเฝ้าสังเกตอาการบุคคลดังกล่าว ถือเป็นการทำงานที่เข้มแข็งของ อสม. อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนฟังข่าวแล้วไม่สบายใจ เพราะหลายพื้นที่ไม่สบายใจและไม่ต้อนรับให้มีโรงพยาบาลสนาม แต่ที่ จ.อุบลราชธานี ยินดีต้อนรับกรณีระบาด มีการเตรียมความพร้อมและดูแลคนของเขาอย่างดี