ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เอฟเฟกต์แฉสิ้นไส้คนเอี่ยว “บ่อนระยอง” คอนเนกชัน “ปทุมวัน-ทำเนียบฯ” ผ่าน “ฉลามตาฟาง-เสธ.ใกล้ตัวลุง” เบื้องหลังทำไมเพิ่งสั่งเด้ง “ผบช.ภ.2” !
ปม “บ่อนระยอง” จุดเริ่มซูเปอร์สเปรดเดอร์โควิดรอบใหม่ ทำความเสียหายแก่ประเทศอย่างใหญ่หลวง แต่แอกชันที่รัฐบาลกับตำรวจลงมือทำเพื่อแสดงออกว่าได้รับผิดชอบ ก็ได้แค่ลูบหน้าปะจมูก
พอกระแสสังคมไม่พอใจและกดดันหนัก จึงสั่งย้ายผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง 4 ราย 4 จังหวัด แต่ ผู้บัญชาการ (ผบช.) ภาค 2 ต้องรับผิดชอบหรือไม่ “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร. เคยพูดไว้ว่าต้องพิจารณาเหตุและผลประกอบกัน อ้อมแอ้มอยู่นาน จนในที่สุดเมื่อวาน (6 ม.ค.) ค่อยมีคำสั่ง ย้าย “พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ” ผบช.ภ.2 สักที
นี่เหตุและผลอะไรทำให้ “พล.ต.ท.วีระ” ถึงไม่โดนย้ายทันทีทันใด เบื้องหน้าเบื้องหลัง สื่อรุ่นใหญ่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” แฉผ่านไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk ตอนพิเศษเมื่อเช้าวาน (6 ม.ค.) วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจยิ่งว่า ต้องเข้าใจบ่อนภาคตะวันออกนั้น เฟื่องฟูมาในยุค คสช. มีการเปิดประมูล “หลงจู๊สมชาย” คนใจถึงมือถึงได้ไป และผุดบ่อนทั่วระยอง จนเป็น “มาเก๊าแห่งภาคตะวันออก” โดยมีเครือข่าย “นายตำรวจใหญ่” คอยปกป้อง
ว่ากันว่า “หลงจู๊สมชาย” ขยายอาณาจักรบ่อนครอบคลุมภาคตะวันออกเลยไปถึงอีสานได้นั้น เกิดขึ้นในช่วงที่มี “ฉลามตาฟาง” พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง เป็น ผบช.ภ.2 ซึ่งต่อมาก่อนเกษียณ 3 เดือน ได้ลาออกเมื่อถูกเสนอให้เป็น ส.ว. ที่ว่ากันว่า “นายกฯลุงตู่” ขอมา จึงนับว่าเป็นคนคุ้นเคยกันดีของผู้มีอำนาจในรัฐบาล
ว่ากันอีกว่า ผบช.ภ.2 ฉลามตาฟาง นับเป็นคนที่มีบทบาทในการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจในพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อเอาคนที่ตัวเองไว้ใจได้ และกันคนที่เป็น “ขวากหนาม” ออกจากพื้นที่ ซึ่งเล่ากันว่า การแต่งตั้งโยกย้ายคราล่าสุด เป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” ในแวดวงสีกากี เพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่การแต่งตั้งโยกย้ายจะกระทำกันอย่างอึกทึกครึกโครม
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของตำรวจ จังหวัดระยอง มี 16 อำเภอ แต่ย้ายผู้กำกับถึง 14 อำเภอ และชลบุรี ย้ายอีก 8-10 อำเภอ เฉพาะ 2 จังหวัดนี้ ย้ายผู้กำกับทีเดียว 20 กว่าตำแหน่ง ซึ่งถ้าปรานีหน่อยก็ย้ายภายในจังหวัด ถ้าไม่ปรานีก็ย้ายไปต่างจังหวัด แย่ที่สุดคือ ย้ายข้ามกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ซึ่ง ผบ.ตร. ต้องลงนามในคำสั่ง ... จึงมีคำถามว่านี่เป็นการเอาคนของตัวเองมาลงเพื่อให้มีการตั้งบ่อนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่?
คนที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) จึงมีความสำคัญที่จะรู้ว่า บ่อนมีหรือไม่มีในพื้นที่ระยอง หรือจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ เพราะเป็นคนชี้เป็นชี้ตายว่าจะให้เปิด หรือไม่ให้เปิด เมื่อบ่อนหลงจู๊เฟื่องฟู ทุกคนรู้ ชาวบ้านรู้ แต่ตำรวจกลับไม่รู้ นั่นจึงเป็นที่มาที่นักข่าวมอบฉายาว่า “ฉลามตาฟาง” ให้ พล.ต.ท.จิตติ ที่น่าจะรู้แก่ใจว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับบ่อน หรือไม่
ว่ากันว่า แม้จะไปเป็น ส.ว.แล้ว แต่อดีต ผบช.ภ.2 ก็ยังคงมีอิทธิพลในการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งก็ร่ำลือกันว่า “พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ” ผบ.ช.ภ.2 คนปัจจุบัน ที่เก้าอี้มั่นคงแข็งแรงก็เพราะว่าเป็น “เด็กในคาถา”
“สนธิ” ยังตั้งข้อสังเกตว่า เพราะ ผบช.ภ.2 เป็นเด็กของ พล.ต.ท.จิตติ หรือไม่ จึงทำให้ไม่โดนย้าย !!
บางกระแสบอกว่า “พล.ต.ท.จิตติ” สนิทกับคนสนิทนายกฯ ที่ชื่อ “เสธ.เก๋” หรือไม่ แต่อีกฝ่ายก็บอกว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะนายกฯไม่ได้ให้อำนาจ “เสธ.เก๋” แต่ที่แน่ๆ พล.ต.ท.จิตติ สนิทกับทางทำเนียบฯ และนายกฯ และว่ากันว่า พล.ต.ท.จิตติ เป็นคนส่งชื่อ “พล.ต.ท.วีระ” เสนอนายกฯเพื่อเป็น ผบช.ภ.2 และนายกฯ ก็เอาชื่อนี้ใส่มือ ผบ.ตร. เพราะเดิมทีคนที่จะเป็น ผบช.ภ.2 ไม่ใช่ชื่อ พล.ต.ท.วีระ แต่มีคนยัดชื่อเข้ามา
เรียกว่า งานนี้คือคอนเนกชันระหว่าง “ทำเนียบฯ-ปทุมวัน” ที่ทำให้ “บ่อนระยอง” โดย “หลงจู๊สมชาย” ดำเนินกิจการมาได้แบบไม่มีอุปสรรคขัดขวาง กระทั่ง “โป๊ะแตก” เกิดซูเปอร์สเปรดเดอร์โควิด ติดจากบ่อนความจึงแตก เรื่องแดงขึ้นมาก็หาคนรับผิดชอบ หวยเลยออกไปที่ “ผู้การจังหวัด” โดนเด้งกันหมด ยกเว้น “พล.ต.ท.วีระ”
แน่นอนว่า ผู้การจังหวัดต้องรู้แน่นอนว่ามีบ่อน แต่ผู้บัญชาการตำรวจภาค 2 ก็ต้องรู้ และ ผบ.ตร. ก็ต้องรู้ เพราะโจ๋งครึ่มแบบนั้น
การที่ ผู้การโดนย้าย ผบช.ภ.2 ทำไมไม่โดนย้าย ทั้งที่เหตุเกิดหลายจังหวัด แสดงว่า ตำรวจไร้ประสิทธิภาพ มีการเปิดบ่อนแต่ยังนั่งเฉย ผบ.ตร. ก็ต้องรู้ แต่ไม่ทำอะไรเลยไม่แสดงวุฒิภาวะผู้นำ ซึ่ง “พล.ต.อ.สุวัฒน์” ก็เป็นคนที่นายกฯเลือกมา ทั้งที่อาวุโสน้อยที่สุด
เพราะฉะนั้น คนที่สมควรถูกย้ายจึงไม่ใช่แค่ “พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ” ผบช.ภ.2 แต่ต้องย้าย ผบ.ตร.ไปช่วยราชการสำนักนายกฯด้วย เพราะไม่สั่งย้ายนายตำรวจใหญ่ในภาคตะวันออกที่ปล่อยให้มีบ่อน ทั้งที่ตอนเข้ารับตำแหน่ง ก็ได้แถลงวิสัยทัศน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกต้องไม่ให้มีบ่อนพนัน แต่กลับมีบ่อนเต็มทั้งในระยอง และ กทม.
กล่าวได้ว่า การระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบที่ 2 อย่างรุนแรงครั้งนี้ เป็นเพราะมีการปกป้องบ่อนการพนันโดยผู้ใหญ่ใน สตช. และในทำเนียบรัฐบาล คอนเนกชัน “ทำเนียบฯ-ปทุมวัน” สรรค์สร้าง และอาจจะรวมทั้งในรัฐสภา เพราะถ้าไม่มี “เครือข่ายอำนาจ” อิทธิพลพวกนี้ ก็เปิดบ่อนไม่ได้ การระบาดรอบสองก็ไม่มี ! เพราะฉะนั้นต้องอย่าให้คนชั่ว และพรรคพวกของคนชั่วลอยนวลเป็นอันขาด อย่างน้อยที่สุดต้องไม่มีการปกป้องกัน
แฉกันสิ้นไส้ขนาดนี้ เหตุและผลก็ชัดเจนพอที่ ผบ.ตร. จะลงนามสั่งย้าย “ผบช.ภ.2”
แต่ก็คงต้องถามไปยัง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธาน ก.ตร. ย้าย ผบช.ภ.2 แล้ว “หลงจู๊สมชาย” เจ้าของบ่อน จะปล่อยให้ลอยนวลหรือไม่... ผบ.ตร. ล่ะต้องรับผิดชอบอะไรด้วยมั้ย ?
** “บิ๊กตู่” ประกาศไม่ล็อกดาวน์พื้นที่สีแดง แต่ขอให้ประชาชนล็อกดาวน์ตัวเอง กักตัวอยู่บ้าน เจอสวนกลับ ...คนอื่นเขาไม่ใช่แบบท่านนะค้า ที่อยู่บ้าน 14-15 วันเฉยๆ แล้วมีเงินใช้...
โควิดระบาดรอบใหม่นี้ เป็นที่รับรู้กันทั่วว่ามีต้นตอจาก “ระบบรัฐราชการ” ที่หละหลวม ละเลยเพราะมี “ส่วย” เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงมีขบวนการค้าแรงงานเถื่อน และบ่อนพนัน ...ความโกรธเกรี้ยวของประชาชน จึงพุ่งเป้าไปที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ดำเนินการกับคนเหล่านี้อย่างเด็ดขาดจริงจัง ...แม้ลุงตู่จะประกาศกร้าวว่าจะจัดการกับขบวนการคนชั่วเหล่านี้ให้สิ้นซาก !!
แต่เวลาผ่านไป โควิดก็ยังแพร่ระบาดต่อไป ขณะที่ในโซเชียลก็พยายามชี้เป้าให้เจ้าหน้าที่ว่า ยังมีการเปิดบ่อนที่ตรงนั้นตรงนี้ ส่วนขบวนการขนแรงงานเถื่อน ก็ยังคงดำเนินต่อไป ล่าสุด เมื่อสองวันก่อนก็มีการขนชาว “โรฮิงญา” ข้ามแดนจากเมียนมา ผ่านแม่สอดมาซุกที่หลังตลาดดอนเมือง เมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปตรวจก็พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดถึง 7 คน
ความน่าเชื่อถือในคำพูดของ “ลุงตู่” ระยะนี้จึงลดน้อยถอยลง พูดอะไรไปก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น หรือทำให้ประชาชนเห็นคล้อย พร้อมจะปฏิบัติตาม
ยิ่งในช่วงวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ “ระบบราชการ” ข่าวคราวความคืบหน้าของมาตรการต่างๆ จากทางรัฐบาลที่จะออกมา ก็ดูเหมือนหยุดไปด้วย แต่การแพร่ระบาดของโควิดไม่หยุด สร้างความวิตกกังวล ร้อนอกร้อนใจให้กับประชาชน ว่า รัฐบาลจะเอาอย่างไร ...เมื่อถึงวันที่ 4 ม.ค.ซึ่งเป็นวันเปิดทำการวันแรกของปี สิ่งที่ประชาชนต้องการรู้ คือ เมื่อโควิดระบาดหนักจะมีการประกาศ “ล็อกดาวน์” หรือไม่... “ลุงตู่” ก็บอกว่าขอประเมินสถานการณ์ก่อน จะดู 14-15 วัน เพราะเป็นระยะปลอดภัย ถ้าทุกคนรู้ว่ามีความเสี่ยง ก็ขอให้อยู่บ้าน 14-15 วัน work from home และอย่างอื่นก็ปิดหมด ซึ่งเราก็ไม่อยากล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เพราะท่านก็รู้ว่าปัญหามันคืออะไร ดังนั้น ท่านล็อกดาวน์ตัวเองให้ได้บ้างไหม มันอยู่ที่ทุกคน ถ้าเราไม่อยากไปติดเชื้อ เราก็ไม่ต้องไปไหน อยู่บ้าน 14-15 วัน ถ้าทุกคนคิดแบบนี้เราก็ปลอดภัย มันก็จะคัดกรองคนได้ง่ายขึ้น แต่ถ้ายังไปมาหาสู่กันทั้งหมดก็ตรวจสอบคนทั้ง 70 ล้านคนไม่ไหว...
สิ่งที่ “ลุงตู่” พูดโดยหลักการแล้ว ก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะการอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ เป็นแนวทางป้องกันตัวเองที่ดี แต่ในคำพูด น้ำเสียง ท่าทีนั้น คนฟังได้ฟังแล้วเหมือนไม่ใช่เป็นการขอความร่วมมือ แต่รู้สึกว่าเป็นการผลักภาระไปให้ประชาชน เพราะทุกคนไม่ได้มีวิถีชีวิตเหมือนกัน คนที่ทำมาค้าขาย หาเช้ากินค่ำ หากให้หยุดอยู่บ้าน 14-15 วัน แล้วจะกินอะไร ...
จึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาประมาณว่า ชาวบ้านเขาไม่เหมือนลุงตู่นี่ ที่อยู่เฉยๆ ก็มีเงินใช้
อย่างเช่น “ก้อย” อรัชพร โภคินภากร ดาราวัยรุ่นที่มีแฟนคลับไม่น้อย ได้โพสต์ไอจี พร้อมกับภาพของลุงตู่ ตามด้วยข้อความว่า “คนอื่นเขาไม่ใช่แบบท่านนะค้า ที่อยู่บ้าน 14-15 วันเฉยๆ แล้วมีเงินใช้หนะค่าาา” และโพสต์นี้ก็มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นกันมากมาย ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย กับดาราสาว และลุงตู่
สำหรับ “ก้อย อรัชพร” ถือว่าเป็นดาราขวัญใจคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิด ความรู้ จบนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ มาโด่งดังในวงการบันเทิงจากบท “ดิว” ในละครซีรีส์เรื่อง ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น และ บท “ชมพู่” ในละครเรื่อง รัก-ออกแบบไม่ได้
ไม่ว่าจะด้วยความดังของ “ก้อย อรัชพร” หรือถูกใจข้อความที่โพสต์ หรือไม่ถูกใจ “ลุงตู่” ที่ตอนนี้พูดอะไรก็ไม่มีใครอยากเชื่อ อยากฟัง ... แต่ปรากฏการณ์ที่เห็นคือโพสต์นี้ก็มีการแชร์กันทะลักโซเชียลฯ !!