ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ถวายคืนเลยดีไหม?!... ทายาท “คณะสู้แล้วรวย 2475” ประกาศสำนึกผิดแทนบิดา กระทำการมิบังควรต่อทรัพย์สินพระมหากษัตริย์มาเป็นของตนเองโดยมิชอบ
“คณะราษฎร 2475” ที่ก่อการยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เปลี่ยนระบบจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย (แบบรวบอำนาจ) อยู่ในกลุ่มของตนเอง ที่บรรดาแกนนำ “ม็อบ 3 นิ้ว” ยกย่องเชิดชูเป็น “ไอดอล” ถึงขั้นเปลี่ยนชื่อกลุ่มการเคลื่อนไหวของพวกเขามาเป็น “คณะราษฎร 2563” นั้น ...
ถึงวันนี้ “ความจริง” ก็ปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า คณะราษฎร 2475 นั้น ไม่ต่างอะไรกับ “คณะโจร” ที่ปล้นอำนาจพระมหากษัตริย์ แล้วยังรวมหัวกัน “ปล้นทรัพย์สินพระมหากษัตริย์” ในลักษณะยักย้ายถ่ายเท นำออกมาขายในราคาถูกๆ ให้กับพวกพ้องในกลุ่มตน
ล่าสุด “พล.ท.สรภฎ นิรันดร” อดีตรองเจ้ากรมยุทธการทหารบก ทายาทของ “ขุนนิรันดรชัย” หรือ “พ.ต.สเหวก นิรันดร” หนึ่งในผู้ก่อการของคณะราษฎร 2475 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินย่านธุรกิจใน กทม.กว่า 90 แปลง ก็ประกาศจะจัดแถลงข่าว สำนึกผิดแทนบิดา ที่ได้กระทำการมิบังควรต่อทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มาเป็นของตนเองโดยมิชอบ
โดยเฟซบุ๊ก Bongsbandhuteja Agrindra ได้โพสต์ข้อความ เชิญสำนักข่าวทุกสำนัก ร่วมฟังการแถลงข่าวของ “พล.ท.สรภฎ นิรันดร” บุตรชายคณะราษฎร 2475 สำนึกผิดแทนบิดาที่ได้กระทำการมิบังควรต่อทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในวันเสาร์ที่ 26 ธ.ค. 63 ที่โรงแรม INTERCONTINENTAL BANGKOK (สี่แยกราชประสงค์ ) ห้อง พินาเคิล 1-2 เวลา 13:30 น.
“ขุนนิรันดรชัย” เป็นคณะราษฎร สายทหารบก กลุ่มเด็กรุ่นใหม่ ที่คอยช่วยเหลือสายทหารในการก่อการปฏิวัติ 24 มิถุนายน 2475 จนกระทั่งประสบความสำเร็จ จากนั้นก็ทำงานในสายรับใช้ “ผู้ใหญ่” มาโดยตลอด จน “จอมพล ป.พิบูลสงคราม” ไว้เนื้อเชื่อใจเป็นอย่างมาก จึงแต่งตั้งให้เป็นคนประสานระหว่างรัฐบาล (ช่วงจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ) กับคณะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน (สมัยรัชกาลที่ 8 ทรงครองราชย์) โดยมี “นายปรีดี พนมยงค์” เป็นแกนนำในกลุ่มคณะทำงานชุดนี้ และมี “ขุนนิรันดรชัย” เป็นเลขานุการคณะทำงานผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
ในช่วงนี้เองที่มีการนำที่ดินพระคลังข้างที่ ซึ่งเป็นทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ออกมาจัดสรรให้สมาชิกคณะราษฎร ผ่อนซื้อกันในราคาถูกๆ อ้างว่าเป็น “ที่ดินพระราชทาน” ครั้นต่อมาปรากฏว่าผู้ซื้อแทบทุกคนไม่มีการผ่อนชำระ ก็จัดฎีกาขอพระราชทานยกหนี้ให้ ... แน่นอนว่าการกระทำภายใต้พระปรมาภิไธยนี้ “องค์ยุวกษัตริย์” มิเคยทรงได้รับทราบ
เป็นขบวนการ “สู้แล้วรวย” ในยุค 2475 ซึ่งคนในยุคนี้บางคนกำลังคิดจะขุดมาใช้เป็นต้นแบบ!!
ปัจจุบันตระกูล “นิรันดร” คือ ผู้ถือครองที่ดินที่ได้รับมรดกตกทอดมา จากที่ได้ “รับพระราชทาน” มาแต่ครั้งนั้น และหนึ่งในจำนวนนั้นก็เป็นที่ดินผืนงามขนาดใหญ่ผืนหนึ่งบนถนนวิทยุ ที่ต้องมาฟ้องร้องแย่งชิงกันในหมู่ทายาท
โดยเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 61 “พล.ท.สรภฎ นิรันดร” เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง “นายธรรมนูญ นิรันดร” พี่ชายต่างมารดา ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งธนาคารนครหลวงไทย “นายธรรมรัชต์ นิรันดร” บุตรชายคนกลางของนายธรรมนูญ “นางเยาวณี นิรันดร” บุตรสาวคนโต ของนายธรรมนูญ และบริษัท 31 สาธร จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-4 ต่อศาลแพ่ง ขอให้เพิกถอนนิติกรรมแบ่งทรัพย์มรดก
“พล.ท.สรภฎ” ไม่พอใจที่มีการแต่งตั้ง “ธรรมนูญ นิรันดร” เป็นผู้จัดการมรดก และ “ธรรมนูญ” ก็เสียชีวิตไปแล้ว ก็เลยฟ้องร้อง “ปราณี นิรันดร” ภรรยาของธรรมนูญ “เยาวณี” บุตรสาวคนโต “ธรรมรัชต์” บุตรชายคนกลาง ต่อศาลแพ่ง และอาญา ในข้อหายักยอกทรัพย์ ในขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของศาล
นี่คือการทะเลาะกันใน “ตระกูลนิรันดร” ซึ่งต้นตระกูลคือ “ขุนนิรันดรชัย” ที่เป็นคนที่มีบทบาทและมีอำนาจในคณะผู้แทนพระองค์เมื่อครั้งนั้น
ว่ากันว่า ทายาทบางคนที่กำลังมีเรื่องฟ้องร้องกันอยู่นี้ ถึงกับเคยออกปากว่า... “อาจเป็นเพราะบาปกรรม เพราะที่ดินพวกนี้ คณะราษฎรยึดมาจากพระมหากษัตริย์ ทำให้ครอบครัวต้องสาป หลายคนเป็นเส้นเลือดในสมองแตก ป่วย ในตระกูลมีลูกหลานสืบสกุลน้อยมาก”
นี่คือตัวอย่างหนึ่งของ “ผลกรรม” ที่มีการเอาทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์มาขายให้กับพวกพ้องตัวเอง
**ใครบ้างเอี่ยวลักลอบนำเข้าแรงงานเถื่อน-เงินสะพัดไปที่ใคร? งานนี้ฝ่ายมั่นคงต้องเลิกโยนขี้ ลุงต้องบี้ให้สุด
ว่าด้วยการแพร่ระบาดไวรัสโควิดระลอกใหม่ ที่มาจากความบกพร่องในหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่ปล่อยขบวนการค้ามนุษย์หาผลประโยชน์จนประเทศชาติกลับเข้าสู่โหมด “เครียด” หวาดผวากันหนักมาก
ว่ากันว่าตามตัวเลขที่ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รายงาน ครม.วันก่อนว่าแรงงานต่างด้าวทั้งระบบ คาดว่า มีกว่า 2.5 ล้านคน แต่ในจำนวนนี้มีถึง 4 แสนราย ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ก็แปลง่ายๆ ว่า แรงงานกลุ่มนี้อยู่อย่างเถื่อนๆ ซึ่งแน่นอนว่าคิดไปได้ว่า มีกระบวนการค้ามนุษย์นำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย โดยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ เจ้าของโรงงาน และนายหน้า... อย่างที่เคยบอกไว้ถ้าคำนวณเป็นตัวเลขกลมๆ ที่หัวละ 10,000 บาท ก็จะมีเงินสะพัดในธุรกิจดำมืดนี้กว่า 4,000 ล้านทีเดียว
ฟังว่า ใน ครม.เรื่องความผิดพลาดปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้น แรงงานเถื่อนทะลัก ซึ่งผลพิสูจน์ได้ว่านำเข้ามาพร้อมเชื้อโควิดแบบเดียวกับที่พบในโรงแรม 1G1 ท่าขี้เหล็ก ฝ่ายความมั่นคงก็ถกเถียงกันโบ้ยกันไปมา สุดท้ายก็ไปโยนขี้ใส่ “วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ตามที่มีรายงานเล็ดลอดออกมาจากที่ประชุม... ประเด็นที่ควรต้องตรวจสอบขบวนการค้ามนุษย์ว่าใครเอี่ยวบ้าง จึงพูดกันประเดี๋ยวประด๋าว ทั้งที่เป็นปัญหาใหญ่
วันนี้พอกระแสสังคมกดดันหนักเข้า ดูๆ อาการของรัฐบาลก็ยากจะปัดสวะ โยนขี้กันไปมาต่อไปได้
จับจากที่ “รองฯ วิษณุ เครืองาม” บอกสื่อ เรื่องนี้ “นายกฯ” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พลเรือน อาสาสมัคร นายจ้าง นายหน้า เกี่ยวข้องกับขบวนการแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายจริง ! สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและกวาดล้างผู้กระทำความผิด พร้อมเชื่อว่า มีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ “รองฯ วิษณุ” ก็ออกตัว ยังต้องตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อน เพราะอาจเป็นการร้องเรียนเพื่อกลั่นแกล้งกัน
เรียกว่าเป็นไปอย่างที่สังคมคาดกัน “ขบวนการค้ามนุษย์” คนที่เอี่ยวก็มีตั้งแต่ ตำรวจ พลเรือน อาสามัคร นายจ้าง นายหน้า !!
ฟาก “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่เพิ่งถูกตั้งฉายาว่าเป็น “ผบ.หลบฉาก” งานนี้ก็ต้องบอกว่า คงหลบฉากยากแล้ว เพราะตำรวจถูกกาหัวมาเป็นคนยืนอยู่แถวหน้าขบวนต้นๆ ที่หละหลวมแถมเข้าไปมีเอี่ยวรับส่วยอีกต่างหาก
ว่าแล้ว “ผบ.หลบฉาก” ก็ออกมาเคลื่อนไหว ลั่นวาจา ว่า รู้เบาะแสแล้วว่าขบวนการค้าแรงงานเถื่อนมีใครเกี่ยวข้องบ้าง แต่ก็มิวายขอความเห็นใจตำรวจ บอกว่างานนี้ถ้าจะมีคนรับผิดชอบ ก็ต้องฝ่ายความมั่นคงทั้งหมด ไม่ใช่แค่ตำรวจฝ่ายเดียว ด้วยว่างานชายแดนนอกจาก ตม. และตำรวจตระเวนชายแดนแล้ว ยุทธการหลักๆ ถือว่าเป็นงานของฝ่ายทหารที่ต้องดูแลกำหนดวิธีด้วย
ดูๆ ไปแล้ว ตำรวจลากทหารมาร่วมโดนด่าด้วยกันแบบนี้ น่าจะเข้าทางคนที่ลอยตัว ทำเงียบๆ อย่างมหาดไทยของ “บิ๊กป๊อก” มท.1 ที่คงจะตีขิม ผิวปากเบาๆ ลอยตัวได้อีกครั้ง โควิดจะระบาด แรงงานจะแอบหนีเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด ไม่ได้กลัดกลุ้มอะไรกับใครเขา กลับตีปี๊บขอเป็น “ซานต้าป็อก” กับข่าวสั่งมหาดไทยโชว์ 9 ของขวัญแจกประชาชน ภายใต้แคมเปญ “มหาดไทยเพื่อประชาชน” ไปนู่น
จะอย่างไรก็ตาม มาถึงซอยตันเห็นว่าสังคมจี้มาหนักให้รัฐบาลลุยปราบขบวนการค้าแรงงานเถื่อน งานนี้ลุงก็ต้องบี้ให้สุด ใครผิด ใครเกี่ยว ต้องสั่งฟันไม่เลี้ยงแล้ว !