“อนุทิน” แจงปรับแก้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ เพิ่มอำนาจ กก.ควบคุมโรค จ่อเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังปีใหม่ ยันคนไทยตรวจโควิดฟรี หากเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง
วันนี้ (22 ธ.ค.) เมื่อเวลา 08.17 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อฉบับใหม่ ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นการแก้ไข เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น เพราะมีเสียงจากประชาชนว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แล้วยังทำไมจะต้องมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงต้องมีการแก้ไขบางมาตราและปรับปรุงเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าว โดยจะมีการเพิ่มอำนาจ เพื่อให้กรรมการควบคุมโรคออกมาตรการต่างๆ ได้ แต่ไม่มีผลกระทบต่อการปฎิบัติงาน ซึ่งเราก็มีความคิดว่าหากไม่มีสถานการณ์ที่ร้ายแรง หลังเทศกาลปีใหม่อาจจะยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และไปใช้อำนาจใน พ.ร.บ.โรคติดต่อฉบับใหม่แทน
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการหารือเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเพียงการระบุวิธีการปฏิบัติเพิ่มเติมในกฎหมายดังกล่าวไม่มีอะไรที่จะต้องไปพูดคุยกันมากมาย ซึ่ง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ดูกฎหมายดังกล่าวอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว
เมื่อถามต่อว่า สถานการณ์ขณะนี้จะต้องมีการออกมาตรการอะไรเป็นพิเศษเพิ่มเติม เพื่อรับมือกับสถานการณ์หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรายังมี ศบค.อยู่ ไม่มีอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลง
เมื่อถามอีกว่า ที่นายกฯขอเวลาประเมินสถานการณ์ 7 วัน ว่า จะมีการล็อกดาวน์จะมีการนำมาพิจารณาเร็วขึ้นหรือไม่ เพราะล่าสุดพบ 2 สามีภรรยาขับรถเร่ขายกับข้าว (รถพุ่มพวง) ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ตืดเชื้อโควิด นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีการประเมินเป็นระยะ ซึ่งขนาดนี้ก็มีการตรวจเชื้อแบบค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก (Active Case finding) เพื่อให้ชุมชนเหล่านั้นได้มาตรวจให้เยอะที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีมีคนไปตรวจโควิดที่โรงพยาบาล แต่ต้องเสียเงินค่าตรวจเอง เพราะไม่ได้มาจากพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นข่าวไม่จริง เพราะคนที่เดินทางผ่านจังหวัดสมุทรสาคร หรือจังหวัดที่มีการพบผู้ติดเชื้อ หรือรู้สึกว่าตัวเองมีไข้หรือเข้าข่ายว่าจะติดเชื้อโควิดสามารถสามารถไปเข้ารับการตรวจได้ทันที โดยตนได้สั่งการให้หน่วยบริการสถานพยาบาลและโรงพยาบาลต่างๆ ทำการตรวจให้ตามสิทธิ์ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายกระทรวงสาธารณสุขจะไปทำการเบิกกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เอง แต่ขอให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง