โฆษก “ประวิตร” เผย เจ้าตัวสั่งแรงงานและมหาดไทย รุกลงพื้นที่คัดกรองแรงงานกลุ่มเสี่ยง เร่งสอบสวนกรณีแรงงานต่างชาติหลุดคัดกรอง
วันนี้ (20 ธ.ค.) พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกฯ เปิดเผยว่า หลังพบการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งคาดว่านำพามาพร้อมกับกลุ่มแรงงานต่างชาติเมียนมา ที่ลักลอบเข้ามาทำงานโดยไม่ผ่านการคัดกรอง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้ย้ำสั่งการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทย ประสานการทำงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกระทรวงสาธารณสุข เร่งดำเนินมาตรการเชิงรุก ลงพื้นที่ตรวจสอบ คัดกรอง และสนับสนุนสอบสวนโรคเข้มข้นกับแรงงานต่างชาติ ที่รวมตัวทำงานทั้งโรงงานและแหล่งพักอาศัยในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มาจากประเทศเมียนมา
พร้อมกำชับให้ร่วมกันสอบสวนทวนความแหล่งที่มาและเส้นทางขนย้ายแรงงานต่างชาติลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านคัดกรอง ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด กับขบวนการลักลอบนำพาแรงงานต่างชาติเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเฉพาะหากมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง เพื่อหยุดยั้งขบวนการนำพาแรงงานเถื่อนให้ได้
พร้อมกันนี้ ขอให้ส่วนราชการในทุกพื้นที่ รวมทั้ง กทม.ร่วมกันย้ำประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ ตื่นตัวกับประชาชน ไม่ประมาทและตื่นตระหนก ร่วมป้องกันและแก้ปัญหาตามมาตรการรัฐที่กำหนด โดยเฉพาะประชาชนที่หมุนเวียนเข้าพื้นที่เสี่ยง ต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการสอบสวนโรค สังเกตตนเองและเฝ้าระวัง มีความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวมมากขึ้น การ์ดไม่ตกในมาตรการทุกกิจกรรมการรวมตัวต่างๆ ต่อเนื่องจริงจังไปด้วยกัน
พล.ท.คงชีพ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่ชายแดน กองทัพได้เสริมกำลังป้องกันชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ รวมทั้งเพิ่มมาตรการสกัดกั้นและเฝ้าตรวจตามช่องทางต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันตกที่เป็นแนวยาว และมีช่องทางธรรมชาติ โดยได้ติดตั้งไฟส่องสว่างและกล้องวงจรปิดกว่า 40 ตัว รวมทั้งวางแนวลวดหนามกว่า 100 ช่องทาง ระยะทางกว่า 6,000 เมตร ควบคู่กับการเพิ่มกำลังชุดปฏิบัติและเครื่องมือ ลาดตระเวนกลางวันและกลางคืน ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ พร้อมทั้งตั้งจุดตรวจภายในหมู่บ้าน ร่วมกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำพื้นที่ ร่วมกันตรวจสอบคัดกรองกลุ่มเสี่ยงและบุคคลต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมือง
รวมทั้งได้ประสานการทำงานร่วมกับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นจังหวัดท่าขี้เหล็ก และพื้นที่อื่น คัดกรองและกักตัวคนไทยที่เข้าไปทำงานผิดกฎหมาย เพิ่มความเข้มข้นมาตรการเฝ้าระวังป้องกันร่วมกันมากขึ้น ทั้งนี้ คนไทยที่เดินทางเข้าประเทศ ต้องเข้ามาตามช่องทางที่กำหนด และยังต้องอยู่ในมาตรการกักตัวควบคุมโรคของรัฐที่กำหนด