ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ไม่ใช่ “สกุลธร” แค่คนเดียว แต่รู้เห็นกันทั้งครอบครัว “จึงรุ่งเรืองกิจ” ?? งานจะเข้าพร้อมหน้า ปมจ่ายสินบน 20 ล้าน กะฮุบที่ดินทรัพย์สินฯ ?
ว่าด้วยคดีที่น้องธนาธร “สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานบริษัท เรียล แอสเสท ดิเวลอปเม้นท์ จำกัด พัวพันในฐานจ่ายเงิน 20 ล้าน ให้ผู้ต้องหาที่ถูกพิพากษาจำคุกสองคน เพื่อให้บริษัทได้สิทธิพัฒนาที่ดิน 2 แปลงงามใจกลางกรุงเทพฯ ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ แต่ “สกุลธร” ยังไม่ถูกดำเนินคดี ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยกันว่า คดีนี้จะซ้ำรอย “คดีบอส กระทิงแดง” หรือไม่ ?
ต่อมาหลังถูกสังคมตั้งคำถามอย่างหนัก วันก่อนเจ้าตัวที่เงียบมาพักใหญ่ๆ ก็ได้ออกเอกสารเป็นครั้งแรก โดย “สกุลธร” ชี้แจงว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ แถมยังเป็นผู้เสียหายอีกต่างหาก ... ส่วนการจ่ายเงินจ่ายทองให้ผู้ต้องหา ก็อ้างว่า เป็นเงินค่านายหน้าที่จ่ายตามหลักของการทำธุรกิจ ไม่ใช่เงินสินบน !
งานนี้...แทนที่คำตอบของ “น้องธนาธร” จะเคลียร์และเป็นคุณกับตัวเอง กลับยิ่งเหมือนมัดตัวเองไปอีก นั่นเพราะว่า ตามหลักธุรกิจอสังหาฯ ใครๆ เขาก็รู้กัน “ค่านายหน้า” จะจ่ายกันก็ต่อเมื่องานลุล่วงเสร็จสิ้นแล้วไม่ใช่หรือ ? ... ไอ้ที่จ่ายกันก่อน จากตกลงกัน 500 ล้าน ที่ผู้ต้องหาเปิดปากสารภาพ และจ่ายกัน 20 ล้าน ควรเรียกเป็นค่าอะไร ? นอกจากเป็นค่าวิ่งเต้น เอาไปจ่ายผู้ใหญ่เพื่อเปิดทาง หรือจ่ายใต้โต๊ะ ติดสินบน แบบนี้ก็ชัดกว่าหรือเปล่า ?
ข่าวว่า ตำรวจกองปราบฯ ที่ทำคดีนี้มาตั้งแต่ต้น จะเรียกตัวผู้ต้องหาสองคนที่ตอนนี้พ้นโทษออกมาแล้วมาสอบปากคำในฐานะพยาน ในวันนี้ (18 ธ.ค.) ซึ่งถ้าทั้งคู่มาตามนัด และให้การตามที่สารภาพกับศาล ปมต่างๆ ก็น่าจะชัดเจนขึ้น... โดยเฉพาะเส้นทางการเงินที่มาที่ไปของการที่เรียกรับเงินจาก “สกุลธร” ที่กำลังเป็นประเด็น
ที่น่าสนใจขึ้นไปอีกก็คือว่า ตามคำกล่าวอ้างในเอกสารที่ “สกุลธร” บอกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เขาจะมุบมิบจ่ายค่านายหน้าให้ผู้ต้องหาแต่เพียงลำพัง มีคนรู้เห็นด้วยจำนวนหนึ่ง ทำนองว่า ทำกันอย่างเปิดเผย ไม่ไดัเป็นความลับ แต่คำถามมีว่า ใครบ้างล่ะที่รับรู้ ?
งานนี้ ก็ไม่รู้ว่าตั้งใจจะพูดเพื่อหวังลบล้างข้อกล่าวหา “จ่ายสินบน” แต่คงลืมคิดไปว่า จะทำให้ “งานเข้า” ญาติพี่น้องในครอบครัว “จึงรุ่งเรืองกิจ” หรือไม่ ?
เพราะว่า หากมีคนที่จะรับรู้ร่วมกับ “สกุลธร” ใน บ.เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ ที่ตัวเอง นั่งเป็นประธาน ช่วงระหว่างมีการกระทำผิดของผู้ต้องหา ก็มีแต่ “จึงรุ่งเรืองกิจ” ทั้งน้านน
ว่ากันตาม เอกสารจดทะเบียน บ.เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จากก่อตั้ง 2548-ช่วงเกิดคดี ปี 2560 นอกจาก “สกุลธร” ใครเป็นกรรมการบ้าง ? ก็ปรากฏว่า ไล่เรียงตั้งแต่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เข้ามาถือหุ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 50 ถือหุ้นเรื่อยมาจนถึง 30 เม.ย. 60 (สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น) แต่ไม่มีชื่อเป็นกรรมการ ซึ่งคนที่เป็นกรรมการในช่วงก่อตั้งเป็น แม่ และพี่น้องคนอื่นๆ ทั้ง “นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ-น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ-น.ส.รุจิรพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และตัว สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ”
พอมา 2 พ.ค. 61 มีกรรมการ 5 คน คือ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.รุจิรพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส. ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และ สกุลธร จึงรุ่งเรือง
กระทั่งวันที่ 25 ม.ค. 62 นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.รุจิรพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ออกจากการเป็นกรรมการ เป็น พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (1 ต.ค.58-30ก.ย.59) อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามาเป็นกรรมการร่วมกับ อัญชลี ชวนิตย์-ดุษฎี เตชะมนตรีกุล-เสวก ประกิจฤทธานนท์-น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ-สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ-บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ รวมเป็น 7 คน
ล่าสุด 29 พ.ค. 62 กรรมการคนนอกตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ลาออก 4 คน โดยไม่มีกรรมการเข้าใหม่ จึงเหลือ กรรมการ 3 คน เฉพาะ “จึงรุ่งเรืองกิจ” เท่านั้น คือ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ-สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ จนถึงปัจจุบัน
ส่วนข้อมูลผู้ถือหุ้นนั้น ปรากฏว่า นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้นใหญ่มาตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้ !!
นี่เรียกว่า บ.เรียลแอสเสท เป็นบริษัทของคนในครอบครัว “จึงรุ่งเรืองกิจ” โดยแท้ ทั้งอยู่ในฐานะ “กรรมการ” และผู้ถือหุ้นใหญ่ในช่วงเวลาที่เกิดคดี
ที่ “สกุลธร” บอกมีคนอื่นรับรู้ว่าเขาเจรจาค่านายหน้า หรือโครงการเช่าที่ดินทรัพย์สินฯ อีกจำนวนหนึ่ง จึงคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ว่าจะหมายถึง “จึงรุ่งเรืองกิจ” คนอื่นๆ ที่ว่ามา ??
ถ้าเป็นอย่างนี้ ทั้งครอบครัว “จึงรุ่งเรืองกิจ” อาจจะงานเข้า ถูกดึงมามีส่วนต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของ “สกุลธร” อย่างยากที่จะโบ้ยให้ใครอื่นได้
เรื่องนี้ “สกุลธร” คงคิดจะขว้างงูให้พ้นคอ แต่ตัวเองพูดไปพูดมาตามเอกสาร กลับกลายเป็น ขว้างก็ขว้างไม่พ้นคอ งูตวัดรัด “จึงรุ่งเรืองกิจ” ทุกคนซะงั้น !!
** ศึกแดงเดือด สนามเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ ทำขบวนการ “ไพร่ นปช.” แตกยับ
คู่ชิงดำ นายก อบจ.เชียงใหม่ ระหว่าง “ส.ว.ก๊อง” พิชัย เลิศพงศ์อดิศร จากพรรคเพื่อไทย กับ “นายกโต๊ะ” บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายก อบจ.เชียงใหม่ ที่เคยเป็นคนใกล้ชิด “ทักษิณ ชินวัตร” แต่ถูก “เขี่ยทิ้ง” ต้องสมัครในนามกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม
นับเป็น “ศึกแดงเดือด” เนื่องจากกลุ่มคนเสื้อแดง ต้องมาแบ่งฝ่ายหาเสียง ห้ำหั่น ลากไส้กันเอง
“บุญเลิศ” นั้นถือว่าเป็นตระกูลการเมืองคู่บารมีของ “ทักษิณ ชินวัตร” กุมฐานเสียงเชียงใหม่มายาวนาน แต่ถูกเขี่ยทิ้งทั้งๆ ที่รับใบสั่งจาก “ทักษิณ” ให้ไปเคลื่อนไหวไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 60 ที่ คสช.เพิ่งร่างเสร็จ จึงถูก คสช.ล็อกตัวเข้าคุกไปปรับทัศนคติ อยู่เกือบเดือนก่อนจะปล่อยตัวออกมา พร้อมคืนตำแหน่งนายก อบจ.ให้... “บุญเลิศ” จึงถูกกาหัวว่าเป็น “คนทรยศ” เปลี่ยนใจไปยืนข้าง คสช. หรือพรรคพลังประชารัฐเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถึงคราวเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ “ทักษิณ” จึงต้องหาคนมาลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย เพื่อรักษาฐานการเมือง แทน “บุญเลิศ” ซึ่งก็คือ “ส.ว.ก๊อง” พิชัย เลิศพงศ์อดิศร ที่มี “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ เป็นแบ็ก
ในช่วงหาเสียง “บุญเลิศ” ซึ่งก็ถือว่าเป็นระดับหัวหน้า “เสื้อแดง” เมืองเชียงใหม่ มีความสนิทสนมกับ “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธาน นปช. จึงดึง “จตุพร” ให้ไปช่วยหาเสียง ซึ่ง “เสื้อแดง” ในทีมนี้ก็มี “เจ๋ง ดอกจิก” ยศวริศ ชูกล่อม “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” พรศักดิ์ ศรีละมุล “พราหมณ์เสื้อแดง” ศักดิ์ระพี พรหมชาติ รวมทั้ง ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์
ขณะที่ทีมหาเสียงของ “ส.ว.ก๊อง” นั้น นอกจาก 3 อดีตนายกฯ “แม้ว-ปู-ชายจืด” ต้องลงมากำกับเองแล้ว ยังมี ทีมเสื้อแดงเชียงใหม่ อย่าง “ดาบชิต” วิชิต ตามูล ผู้ประสานงานกลุ่ม นปช. 17 จังหวัดภาคเหนือ “ลุงแก้ว เสื้อแดงฝาง” สว่าง วงค์วิลาส แกนนำ นปช.โซนเหนือ จ.เชียงใหม่ “ติ๋ม แม่โจ้” มนัสภรณ์ วิเชียร แกนนำ นปช.เชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังมี “เด็จพี่” พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ก่อแก้ว พิกุลทอง วรชัย เหมะ และ พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ จากส่วนกลางขึ้นไปร่วมทัพด้วย
ทั้งสองฝ่ายเปิดศึก “แดงเดือด” โดยฝ่าย “ทักษิณ” โจมตีว่า “บุญเลิศ-จตุพร” เป็นคนทรยศต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย ไปรับใช้เผด็จการ ...ขณะที่ “จตุพร” ก็สาวไส้ “เจ๊” ว่าไปเอาคนเชียงราย ที่มีตำหนิ มีส่วนพัวพันกับคดี “บอส กระทิงแดง” มาเชิด จะให้มาเป็นนายก อบจ.เชียงใหม่ แถมยัง แฉว่า “เจ๊” คือ ตัวการทำให้พรรคพัง รัฐบาลพัง จากเรื่องนิรโทษกรรมสุดซอย และจำนำข้าว ทำเอา “กลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่” ต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงขับไล่ “จตุพร” ออกจากประธาน นปช.
เรื่องนี้ “จตุพร” บอกอย่างไม่ยี่หระว่า ไม่ติดยึดกับ “หัวโขน” เพราะมีแต่คุก !! ...ซึ่งสามารถไปไล่เรียงดูได้ ไม่ว่าจะเป็นตัว จตุพรเอง หรือว่า วีระกานต์ มุสิกพงศ์ หมอเหวง โตจิราการ เจ๋ง ดอกจิก แม้กระทั่ง “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นี่ก็อยู่ในคุก กำลังจะได้รับการปล่อยตัวออกมาในวันนี้ (18 ธ.ค.) ซึ่งก็ต้องจับตาว่า เมื่อ “เต้น” ออกจากคุก จะใส่ “กำไล EM” รีบบึ่งไปเชียงใหม่ ขึ้นเวทีหาเสียงทิ้งทวนก่อนถึงวันหย่อนบัตรหรือไม่
แน่นอนว่า ถ้า “เต้น” ไปเชียงใหม่ ย่อมไปยืนข้าง “เจ๊” ไม่ต้องสงสัย เพราะอย่างน้อยก็มีความสนิทสนมกับ ก่อแก้ว พิกุลทอง ได้รับการโปรโมตจาก “สายเจ๊” มาโดยตลอด
ย้อนดูเส้นทางในช่วงที่ผ่านมาก็ได้ “ตู่-เต้น” เริ่มต้นจากการเป็น “ไพร่” มาด้วยกัน แต่เมื่อเสร็จศึก “เต้น” ขึ้นลิฟต์เปลี่ยนจากไพร่ เป็น “เสนาบดี” ขณะที่ “ตู่” ยังเป็นไพร่ อยู่เหมือนเดิม !! ในสถานการณ์เช่นนี้ โอกาสที่ “ตู่-เต้น” จะกลับมากอดคอกันเหมือนเดิมนั้นแทบเป็นไปไม่ได้
20 ธ.ค.นี้ ยังไม่แน่ว่า “นายกโต๊ะ” หรือ “ส.ว.ก๊อง” จะได้เป็นนายก อบจ.เชียงใหม่ ...แต่ที่แน่ๆ คือ “ขบวนการเสื้อแดง” แตกยับ !!