ข่าวปนคน คนปนข่าว
** อย่ามามั่ว!! “น้องธนาธร” อ้างเงินใต้โต๊ะ 20 ล้าน ไม่ใช่สินบน แต่เป็นค่านายหน้าตามปกติของการทำธุรกิจ ทั้งที่ศาลชี้ชัดว่าเป็นการเรียกรับสินบน และค่านายหน้าจะจ่ายตอนงานเสร็จ ไม่ใช่จ่ายกันล่วงหน้า พลันที่ “สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานบริษัท เรียล แอสเสท ดิเวลอปเม้นท์ จำกัด น้องชายของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ร่อนเอกสารแถลงข่าว ชี้แจงกรณีพัวพันคดีจ่ายเงินใต้โต๊ะจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อให้ได้สิทธิ์การเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการประมูลตามขั้นตอนปกติ
“สกุลธร” สรุปว่าตัวเองเป็นผู้เสียหาย เป็นผู้บริสุทธิ์ และ ไม่รู้จัก “ประสิทธิ์ อภัยพลชาญ” เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ เป็นการสวนตัว ... ส่วน “สุรกิจ ตั้งวิทูวนิช” นั้น รู้จักผ่านนายหน้าอีกคน ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันมาก่อน ... สำหรับเงิน 20 ล้านบาทนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของค่านายหน้าตามปกติของการทำธุรกิจ ไม่ใช่เป็นเงิน ”สินบน” ตามที่มีการกล่าวอ้างกัน
ปรากฏว่า “วัชระ เพชรทอง” อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ผู้ยื่นเรื่องขอทราบข้อเท็จจริงกรณีนี้ จากสำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ตั้งคำถามรัวๆ ใส่
1. เหตุใดจึงตกลงจ่ายค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงินสูงถึง 500 ล้านบาท ตามที่ปรากฏในคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง หน้า 9 บรรทัดที่ 10
2. การเสนอเงิน 500 ล้านบาท ให้แก่นายหน้า เพื่อให้ได้สิทธิในการเช่าโดยไม่ต้องประมูลแข่งขัน แบบนี้เขาเรียกว่า “เงินติดสินบน” ใช่หรือไม่ หรือเรียกว่า “เงินค่านายหน้า”
3.“สกุลธร” กล่าวว่าทุกครั้งมีการชำระเงินเป็นเช็ค แสดงว่า การจ่ายเงิน 20 ล้านบาท ครั้งแรก 5 ล้านบาท ครั้งที่สอง 5 ล้านบาท ครั้งที่สาม 10 ล้านบาท เป็นเช็คทั้งสิ้น “สกุลธร” สั่งจ่ายในฐานะเป็นประธานบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และเป็นผู้มีอำนาจลงนามผูกพันแทนบริษัท แสดงว่า ผู้ถือหุ้นในขณะนั้นคือ “นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้ถือหุ้นย่อมทราบถึงการกระทำนี้ด้วย ใช่หรือไม่ ?
4. เมื่อ “สกุลธร” คิดว่าตนเองเป็นผู้เสียหายแล้ว ได้แจ้งความดำเนินคดีอาญากับบุคคลทั้งสองตามวิสัยของวิญญูชน หรือไม่
5. ในเอกสารคำแถลงข่าวของ “สกุลธร” ไม่ได้ระบุตำแหน่ง และชื่อบริษัทของสกุลธรเลย เป็นเพราะเหตุใด ? หรือว่าเพราะอับอาย
6. หากสกุลธรอ้างว่าเงิน 20 ล้านบาท เป็นจ่ายเงินค่านายหน้า ตามกฎหมายปกติ แล้วที่ตกลงกันทั้งหมด 500 ล้านบาท แล้วได้สิทธิเข้าไปทำโครงการ Mix-Use ขนาด 160,000 ตารางเมตร โดยไม่ต้องประมูลใดๆ กับสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์อีก เงิน 500 ล้าน ที่ “สกุลธร” ตกลงให้ “นายสุรกิจ” หากไม่เรียกว่าเงินสินบน จะให้เรียกว่าค่าอะไร หรือเป็นค่าอนาคตใหม่ หรือค่าก้าวหน้า อย่างนั้นหรือ
นอกจาก 6 คำถามที่มีถึง “สกุลธร” ข้างต้นแล้ว “วัชระ” ยังได้เสนออีก 1 ข้อว่า เพื่อเป็นการยืนยันความมั่นใจของ “สกุลธร” ที่ออกเอกสารมาชี้แจงเผยแพร่ในวันนี้ว่า เป็นเอกสารจริง ควรลงชื่อกำกับ แล้วประทับตราบริษัทนำส่งให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนของตำรวจต่อไป เพราะอาจมีการอ้างว่าเป็นเอกสารปลอมในอนาคตได้
ทั้งหมดทั้งมวล คดีนี้เกิดขึ้น ผู้ต้องหารับสารภาพ และถูกตัดสินความผิดติดคุกกันไปเรียบร้อย ขณะที่ “น้องชายธนาธร” อยู่ระหว่างการดำเนินการของตำรวจกองปราบ
แต่เรื่องนี้มันคาใจสังคม โดยเฉพาะประเด็นที่ “น้องธนาธร” พยายามบอกว่า “เงินใต้โต๊ะ” นั้นไม่ใช่ “สินบน” แต่เป็นค่านายหน้าตามปกติของการทำธุรกิจ ...ทั้งๆ ที่คำพิพากษาของศาล ก็ระบุชัดว่า คดีนี้ เป็นการเรียกรับสินบน และปลอมแปลงเอกสารราชการ
ทั้งนี้ ตามปกติของการทำธุรกิจแล้ว การจ่าย “ค่านายหน้า” จะจ่ายก็ต่อเมื่อได้ทำงานสำเร็จแล้ว บรรลุเป้าหมายแล้วจึงจะจ่าย... ไม่เคยมีธรรมเนียมของการจ่ายค่านายหน้าล่วงหน้า อย่างที่ “น้องธนาธร” กล่าวอ้าง
อีกทั้งหน่วยงานของรัฐ อย่างสำนักงานทรัพย์สินฯ ที่ผ่านมา ก็ใช้วิธีการเปิดประมูลมาตลอด ไม่เคยต้องมีนายหน้า... แล้วหน่วยราชการไหนมีนายหน้าวิ่งเต้นโดยสุจริต ... ดังนั้น อย่ามามั่ว !!
** “แม้ว” พล่าน เมื่อ “ส.ว.ก๊อง” ยังตามหลัง “นายกโต๊ะ” ในสนาม อบจ.เชียงใหม่ เพราะนี่ไม่เพียงแค่ศึกแห่งศักดิ์ศรี แต่เป็นสงครามตัวแทนระหว่างอำนาจเก่า กับอำนาจใหม่ !!
ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ จัดว่าเป็นสนามที่ดุเดือดสุด คู่ชิงดำ ก็คือ “ส.ว.ก๊อง” พิชัย เลิศพงศ์อดิศร สังกัดพรรคเพื่อไทย (เบอร์ 1) กับ “นายกโต๊ะ” บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายก อบจ. ที่ลงสมัครในนามกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม (เบอร์ 2)
ที่ว่าดุเดือดเพราะเป็น “ศึกสีแดง” เป็นคนใกล้ชิด “ทักษิณ ชินวัตร” ทั้งคู่ เพียงแต่ “นายกโต๊ะ” นั้น เสมือนเลือดเก่า ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศ ... ทั้งที่ผ่านมาต้องตกระกำลำบาก โดนคดีความในช่วงที่ออกมารณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการทำประชามติ โดยที่ไม่มีใครเหลียวแลเอื้อมมือช่วย ปล่อยให้ต้องนอนกินข้าวแดงในคุก กับหลานสาวเกือบเดือน ... สุดท้าย คสช.ปล่อยตัว และคืนตำแหน่งนายก อบจ. ให้ จึงถูกมองว่าโดน “คสช.กล่อม” จนเปลี่ยนใจไปอยู่ข้างรัฐบาล หรือพูดง่ายๆ ว่า เป็นคนของ “พลังประชารัฐ” ไปแล้ว
ส่วน “ส.ว.ก๊อง” พิชัย พื้นเพเป็นคนเชียงราย เพิ่งเข้ามาอยู่ในพื้นที่ได้ไม่นาน มาทำทีมฟุตบอลเชียงใหม่ ยูไนเต็ด มีความใกล้ชิดกับ “สายเจ๊” จึงได้รับการวางตัว ปั้นให้เป็นนายก อบจ. ในสังกัดพรรคเพื่อไทย โดย “ทักษิณ ชินวัตร” ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ถึงขั้นเคยเขียนจดหมายด้วยลายมือ มาอ้อนคนเชียงใหม่ ขอให้เทคะแนนให้ “ส.ว.ก๊อง” ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทย ก็ส่งทีมงานชุดใหญ่ขึ้นไปช่วยหาเสียง...โดย “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกฯ ขึ้นไปประจำอยู่ในพื้นที่ ส่วน “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” สองอดีตนายกฯ ช่วยหาเสียงผ่านทางโซเชียลฯ
สำหรับ “นายกโต๊ะ” นั้น ด้วยความที่เป็นตระกูลการเมืองของเชียงใหม่มายาวนาน และยังได้ “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธาน นปช. มาเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน แฉเบื้องหลัง เบื้องหน้าของคู่ต่อสู้แบบคนรู้ไส้ ... ถามคนเชียงใหม่ ว่าจะยอมให้คนเชียงราย ที่ “มีตำหนิ” มีส่วนพัวพันคดี “บอส กระทิงแดง” มาเป็นผู้บริหารเชียงใหม่หรือ ...แถมยังแฉไปถึง “เจ๊” ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังว่าเป็นตัวการทำพรรคพัง ทำรัฐบาลในอดีตพังมาแล้ว ทั้งเรื่องนิรโทษสุดซอย และจำนำข้าว แล้วจะยอมให้มาทำท้องถิ่นเชียงใหม่พังอีกหรือ
ว่ากันว่า ผลการหยั่งเสียง ประเมินคะแนน ในช่วงโค้งสุดท้าย “นายกโต๊ะ” นำห่าง “ส.ว.ก๊อง” อยู่หลายขุม !!
ทำเอา “ทักษิณ” หัวร้อน นั่งไม่ติด เพราะเชียงใหม่ถือเป็นถิ่นเกิด เป็นฐานเสียงหลักของพรรคเพื่อไทย เปรียบเสมือนเมืองหลวงของคนเสื้อแดงมาตลอด หาก “ส.ว.ก๊องแพ้” นั่นคือ “ทักษิณแพ้” ... ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของศักดิ์ศรีเท่านั้น แต่มันกระทบถึงฐานที่มั่นทางการเมืองในอนาคตด้วย !!
“ทักษิณ” จึงต้องออกมาโพสต์คลิป “อู้กำเมือง” อ้อนคนเชียงใหม่ ให้เลือกเบอร์ 1 อีกรอบ ... บอกว่า เมื่อ 2-3 อาทิตย์ก่อน ได้เขียนจดหมายถึงพี่น้องชาวเชียงใหม่ แต่กลัวว่าจะได้รับข่าวสารไม่ทั่วถึง ครั้งนี้ก็ขอออกเป็นวีดีโอคลิป ถึงพี่น้องชาวเชียงใหม่ ... บอกไปอยู่ต่างประเทศนาน คิดถึงเมืองไทย คิดถึงบ้านเกิดเชียงใหม่ เป็นห่วงคนเชียงใหม่ อยากให้คนเชียงใหม่ได้รับสิ่งดีๆ
พร้อมเอาตัวการันตีว่า ก่อนลงสมัคร “ส.ว.ก๊อง” บินไปหาถึงดูไบ มาบอกถึงแนวคิดว่าจะพัฒนาเชียงใหม่อย่างไร ... ความเห็นก็สอดคล้องกัน จึงสนับสนุนให้ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย จึงขอฝากคนเชียงใหม่เทคะแนนให้เบอร์ 1 เอาให้ชนะขาด !!
เรียกว่าเป็นการออกมาเทหมดหน้าตัก หวังพลิกสถานการณ์ หลังรู้ว่าตกเป็นรอง ซึ่งช่วงโค้งสุดท้ายนี้ นอกจากการปราศรัยที่ดุเดือดแล้ว คนในพื้นที่ยังบอกว่า “การสาดกระสุนสีเทา” ก็ดุเดือดไม่แพ้กัน
คงต้องวัดใจว่าคนเชียงใหม่จะเลือกข้างไหน ระหว่าง “คนใหม่ของฝ่ายอำนาจเก่า” กับ “คนเก่าของฝ่ายอำนาจใหม่” 20 ธ.ค.นี้ รู้กัน !!