ข่าวปนคน คนปนข่าว
** นี่แหละตำรวจไทย วันๆ หาทำแต่เรื่องอัปยศอดสู ขู่ฟัน “หมอแล็บแพนด้า” โพสต์ภาพคนลักลอบข้ามแดนจันทบุรี
ก็ไม่รู้ว่าที่ผ่านมายังทำให้ชาวบ้านเอือมระอาไม่พอหรือยังไง ตำรวจไทยถึงได้คิดหาทำแต่เรื่องอัปยศอดสูอยู่ทุกวี่ทุกวัน !!
ล่าสุด ก็เอาอีกแล้ว “พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ” ผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 3 ออกมาขู่ว่า จะเอาผิดแอดมินเพจชื่อดัง “หมอแล็บแพนด้า” ที่โพสต์ภาพคนลักลอบผ่านแดนไทย-กัมพูชา ใกล้กับจุดผ่านแดนถาวรหมู่บ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อวันก่อน
ข้อหาที่ยกมากำราบเพจชื่อดังครั้งนี้ ก็ไม่ใช่อื่นไกล เป็นข้อหายอดนิยม คือ ทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ นั่นเอง ...
ท่านผู้การฯ ตม.3 อ้างว่า ภาพที่โพสต์ทางเพจดังกล่าวนั้นเป็นภาพเก่า และกำลังพิจารณาว่าเจตนาในการโพสต์ต้องการอะไร หากมีเจตนาทำให้เกิดความเสียหายแก่ภาพรวม ก็ต้องดำเนินคดี ซึ่งได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบแล้ว ...แถมยังสำทับอีกว่า ภาพที่ปรากฏเป็นเรื่องระหว่างประเทศ คือ เกี่ยวข้องทั้งไทยและกัมพูชาด้วย โดยทางกัมพูชายืนยันว่า มีความเข้มงวดในการป้องกันเรื่องนี้มาโดยตลอด
สรุปก็คือว่า ท่านผู้การฯโยงไปถึงปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเลยทีเดียว เพราะภาพๆ นั้นแท้ๆ
ก็อยากจะเตือนสติท่านผู้การฯ ตม.3 ไว้สักเล็กน้อย ก่อนที่จะทำอะไรให้ขายขี้หน้าชาวบ้านไปมากกว่านี้ อันว่าความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณี “นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์” นั้น มันต้องมีองค์ประกอบหลักๆ นอกจากข้อมูลอันเป็นเท็จแล้ว มันต้องมีเจตนา จงใจหรือโดยทุจริต และก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคง ความปลอดภัยสาธารณะ ระบบเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐาน หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ...
ถ้าท่านรู้จักใช้วิจารณญาณสักนิด ก็น่าจะดูออกว่า ภาพ 3 ภาพที่โพสต์ลงในเพจ “หมอแล็บแพนด้า” เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.นั้น มันสร้างความเสียหายใหญ่โตขนาดนั้นหรือเปล่า และถ้าลองไล่ดูโพสต์ย้อนหลังของ “หมอแล็บแพนด้า” ก็พอจะรู้ว่า แนวของเพจนี้เขามุ่งให้ความรู้ และเตือนภัยในเรื่องสุขภาพ ด้วยลีลาการนำเสนอที่สอดแทรกมุกตลกโปกฮา เพื่อให้คนอ่านได้ผ่อนคลายเสียเป็นส่วนใหญ่ เพจอย่างนี้หรือจะมีเจตนาจงใจให้เกิดความเสียหายไม่ว่าต่อบุคคล หรือต่อส่วนรวม ...
และที่สำคัญ ภาพทั้ง 3 ภาพที่ท่านอ้างว่าเป็นภาพเก่า มันเก่าแค่ 2 วัน คือ ถ่ายเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 63 แล้วโพสต์ขึ้นเพจ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 63 ลองเทียบตำแหน่งใบไม้แห้งใบไม้อ่อน กับภาพที่มีลวดหนามไปขึงกั้นเรียบร้อยแล้ว ก็ยืนยันได้ชัดเจนว่า มันไม่ใช่ภาพเก่าแบบคนละสถานการณ์เลย
ด้วยเหตุนี้ ถ้ามองด้วยสายตาของวิญญูชนโดยทั่วไป ก็ย่อมจะรู้ว่า ภาพคนลักลอบเดินข้ามแดนทั้ง 3 ภาพ มันไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับสังคมส่วนรวมอะไรเลย จะว่าทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกก็คงไม่ใช่ เพราะเรื่องแบบนี้มันไม่เหนือความคาดหมายของชาวบ้านทั่วไปอยู่แล้ว แถมเพิ่งเกิดเรื่องที่ชายแดนไทย-พม่า ทางจังหวัดเชียงรายมาหมาดๆ เรื่องการลักลอบข้ามพรมแดนไม่ว่าจะเป็นด้านไหนของประเทศ คนเขารู้ๆ กันอยู่ ...
ความเสียหายอย่างเดียวที่จะเกิดขึ้นเพราะภาพในเพจ “หมอแล็บแพนด้า” ก็คือ ทำให้ตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่ เกิดอาการ “เสียหน้า” เท่านั้น
แต่ถ้าท่านยังเดินหน้าเอาผิด “หมอแล็บแพนด้า” ความเสียหายใหญ่หลวงมันจะเกิดขึ้นจริงๆ เพราะต่อไปนี้ คงไม่มีใครอยากจะเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองอีกแล้ว เจออะไรไม่ชอบมาพากลก็อยู่เฉยๆ ดีกว่า
** "ก้าวไกล"ปั่นกระแส การเมืองสั่งเลิกคอนเสิร์ต "บิ๊กเมาน์เท่น" ขุดรูป "หมอหนู" ไม่ใส่แมสก์เปิดงานที่อยุธยา มาโพสต์เปรียบเทียบ เลยเจอสวนกลับหน้าหงาย
กรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา สั่งระงับเทศกาลดนตรี “บิ๊กเมาน์เท่น” ซึ่งจัดโดย “ป๋าเต็ด” ยุทธนา บุญอ้อม เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่า ไร้มาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งต่อมาผู้จัดงานคอนเสิร์ต ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว แต่ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมาได้ยกคำร้องอุทธรณ์ ยังคงยืนยันคำสั่งเดิม แต่คณะผู้จัดยังฝืน ให้แสดงคอนเสิร์ตต่อจนถึงเวลา 22.00 น.
ในประเด็นฝ่าฝืนคำสั่งนั้นในประเด็นฝ่าฝืนคำสั่งนั้น นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะเลขาคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ได้ส่งนิติกรสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับ ผู้จัดงานคอนเสิร์ต “บิ๊กเมาน์เท่น” ในฐานความผิด ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อและความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ก็ยังมีประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า คำสั่งปิดงานครั้งนี้ มี “การเมืองแทรก” !!
โดย “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ ว่า... พวกเขาไม่ได้กลัวการแพร่กระจายของโควิดหรอก แต่กลัวการแพร่กระจายของความคิดแบบประชาธิปไตย ที่จะไปทำลายจิตสำนึกแบบเผด็จการ
ขณะที่ “มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข” ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ก็โพสต์ว่า... “จัดคอนเสิร์ตให้คนตะโกนด่านายกฯ ให้นักร้องตะโกนด่ากระแทกใครก็ได้ และให้แสดงออกทางการเมือง โดยสามารถด่าหมิ่นประมาทใครก็ได้ ชู 3 นิ้วเป็นสัญลักษณ์ โดยที่ไม่ต้องตามปราม อืม! มึงไม่เช่าภูเขาจัดม็อบไปเลยล่ะ”
แม้ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ จะมีบรรยากาศการเมืองสอดแทรกเข้ามาจริง แต่ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ก็ออกมายืนยันว่า คำสั่งระงับดังกล่าว “ไม่เกี่ยวการเมือง” แต่เป็นเรื่องสุขภาพ การป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดโดยตรง เพราะตอนที่ผู้จัดขออนุญาตมา ระบุมีการควบคุมเส้นทางเข้าออก จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ จุดให้บริการเจลล้างมือ ต้องสวมหน้ากากอนามัย ต้องเว้นระยะห่าง... แต่เวลาปฏิบัติจริงกลับทำไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องสวมหน้ากาก และเว้นระยะห่าง ภาครัฐก็ต้องเข้าไปดูแลจัดการ
กระนั้น “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็ยังไม่ยอม... ไปหยิบเอารูป “หมอหนู” ที่เพิ่งไปเป็นประธานเปิดงาน ยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลก 2563 เมื่อวันที่ 11ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยเป็นภาพที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย และไม่เว้นระยะห่างเช่นกัน พร้อมบรรยายว่า... เวลาที่คุณอนุทิน ติติง bigmountain2020 กรณีโควิด นี่เขาไม่รู้สึกกระดากใจ หรือละอายใจอะไรเลยหรือครับ ที่อยุธยา นี่ไปกับตัว เห็นกับตาแท้ๆ แต่กลับหน้าชื่นตาบาน...จึงเป็นโพสต์ล่อเป้าให้ “ติ่งสีส้ม” เข้ามาถล่มต่อ!!
แต่ก็เจอตอกกลับหน้าหงาย เมื่อ “ภราดร ปริศนานันทกุล” ส.ส.อ่างทอง ที่เป็นโฆษกพรรคภูมิใจไทย โพสต์ภาพนายอนุทิน ใส่หน้ากากอนามัย ขณะเปิดงาน และพบปะประชาชน 3-4 ภาพ พร้อมบรรยายสวนกลับไปว่า... พี่ว่าจะอยู่เงียบๆ นะ แต่ แหม พรรคการเมืองบางพรรค ขยายผลเป็นประเด็นการเมือง โจมตีพรรค โจมตีนายอนุทิน เอาไปเปรียบเทียบกับการระงับการจัดงาน bigmountain...
ผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยพอดี และเหล่านี้คือภาพในงาน ส่วนภาพที่เห็นว่าไม่ได้สวมหน้ากากนั้น ทางผู้จัดขอให้ถอดหน้ากากออกเพื่อบันทึกภาพ หลังจากถ่ายภาพเสร็จแล้ว ทุกท่านก็สวมหน้ากากกลับเช่นเดิม ในงานมีการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง และเท่าที่ดู 90% ของผู้ร่วมงาน ให้ความร่วมมือสวมหน้ากากทั้งสิ้น !!
หยุดพฤติกรรมสร้างความเกลียดชัง ให้ข้อมูลคาบลูกคาบดอก หรือบิดเบือนข้อมูล เสียทีเถอะครับ ไหนว่าจะทำการเมืองใหม่ แหมมมม่ #ใหม่จุงงงง
ก็ถือว่าเสียว่า เป็นการชิงเหลี่ยม หาช่องดิสเครดิตกัน ในขณะที่การเมืองกำลังร้อนแรง...แต่ในช่วงปลายปีมีเทศกาลงานรื่นเริง สิ่งที่ทุกคนต้องตระหนักคือสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง เพื่อรับผิดชอบต่อสังคม ตามที่ “หมอหนู” กำชับเป็นดีที่สุด !!
