ข่าวปนคน คนปนข่าว
**คดี “น้องชายธนาธร” จ่ายสินบน 20 ล้าน คนเรียกรับโดนศาลสั่งลงโทษไปแล้ว แต่คนจ่ายทำไมยังลอยนวล “อัยการ” ต้องให้คำตอบ
ยังคงมีเรื่องคาใจต่อเนื่อง หลังมีการเปิดเผย “คำพิพากษา” คดีที่มี “สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” น้องชาย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ถูกหลอกให้จ่ายเงินใต้โต๊ะ 20 ล้านบาท ให้กับคนในของสํานักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพื่อแลกสัมปทานที่ดินทำเลทอง 12 ไร่ ย่านชิดลม
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนปี 2560 ระหว่างเดือนมีนาคม 60 ถึงเดือนพฤศจิกายน 60 สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ได้ตรวจพบมีการ “ปลอมแปลงเอกสาร” ของสำนักงานทรัพย์สินฯ จึงได้สืบสวนแล้วดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้อง โดยจำเลยในคดีนี้มี 2 คน คือ “ประสิทธิ์ อภัยพลชาญ” และ “สุรกิจ ตั้งวิทวนิช” คนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯ อีกคนหนึ่งเป็นเหมือนคนกลาง ที่คอยประสานงาน
ว่ากันว่า “เอกสารปลอมแปลง” คือ รายละเอียดเกี่ยวกับการให้เอกชนเสนอโครงการพัฒนาที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ บริเวณชิดลม หลังจากองค์การโทรศัพท์ผู้เช่าเดิมหมดสัญญา เรียกว่าจำเลยได้ทำเอกสารปลอมขึ้นมาทั้งฉบับ แล้วเอาไปหลอกให้ “สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” น้องชายธนาธร ที่เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด” ที่สนใจเข้ามาพัฒนาโครงการให้หลงเชื่อว่าเป็นจริง
ตามการสารภาพของจำเลยทั้งสอง ยอมรับว่าได้เรียกรับเงินจาก “สกุลธร” แบ่งเป็น 3 งวด งวดแรก 5 ล้านบาท งวดที่สอง 5 ล้านบาท และงวดสุดท้าย 10 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท อ้างว่าจะเอาไปดำเนินการประสานงานให้
คดีนี้จำเลยถูกตัดสินเป็นความผิดทุจริตต่อหน้าที่ และปลอมแปลงเอกสารราชการ รวมจําคุกคนละ 5 ปี จําเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงลงโทษจําคุกจําเลยทั้งสอง คนละ 3 ปี
แต่คดีนี้ก็ยังเป็นที่คาใจอยู่ว่า “สกุลธร” ผู้จ่ายเงินใต้โต๊ะ 20 ล้านบาทนั้น ทำไมไม่ถูกดำเนินคดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ หรือข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด
ยิ่งเมื่อได้อ่านคำพิพากษาที่ระบุว่า เงิน 20 ล้านบาท ที่จ่ายให้แก่จำเลยทั้งสองนั้น “เพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จำเลยทั้งสองจะร่วมกันไปดำเนินการติดต่อประสานงาน และนำเงินส่วนหนึ่งไปมอบให้รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงานของรัฐตามกฎหมาย โดยวิธีอันทุจริตและผิดกฎหมาย เพื่อจูงใจรองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ให้กระทำการในหน้าที่ด้วยการจัดสรรที่ดินบริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ชิดลม) ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ให้บริษัท เรียลเอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้สิทธิการเช่าที่ดินระยะยาว โดยไม่ต้องผ่านการประมูลแข่งขันตามขั้นตอนปกติของการเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ อันเป็นคุณแก่ บริษัท เรียลแอสเlท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และทำให้สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เสียประโยชน์ที่จะได้รับเงินจาการประมูลที่สูงที่สุด ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ผู้อื่น และประชาชน”
ถ้าสรุปง่ายๆ เป็นภาษาชาวบ้าน ก็คือ ความพยายามติดสินบนเพื่อให้บริษัท เรียลแอสเซทฯ ได้สิทธิการเช่าที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยไม่ต้องผ่านการประมูลนั่นเอง แต่จนบัดนี้ “สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ยังคงลอยตัว กินดีอยู่สบาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมเงิน 20 ล้านที่จ่ายไป ก็ไม่มีการฟ้องเรียกคืน
เรื่องนี้ คนที่ต้องออกมาทำความกระจ่าง คงไม่ใช่ใครอื่น ต้องเป็น “อัยการ” ในฐานะทนายของแผ่นดิน ผู้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ คดีนี้อัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามทุจริต 4 เป็นโจทก์ฟ้อง “ประสิทธิ์ อภัยพลชาญ” และ “สุรกิจ ตั้งวิทวนิช” ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาว่ามีความผิดฐานเรียกรับสินบน (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143) และปลอมแปลงเอกสาร ไปเรียบร้อยแล้ว
แต่คนที่จ่ายเงินให้จำเลยสองคนนั้น กระทำความผิด ทำไมกลับยังลอยนวล ทั้งที่มีกฎหมาย มาตรา 175 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ที่ว่าด้วยเรื่องการติดสินบนเจ้าหน้าที่ ให้เอาผิดได้ เรื่องนี้ก็ไม่รู้ว่าทำไมท่านอัยการถึงมัวนิ่งเงียบอยู่.
**ดรามา “โฟกัส” กระชากเรตติ้ง ฟาดมา-ฟาดกลับ จาก #สวยแต่โชว์โง่ ถึง กลืนวรรณกรรมชนชั้น เธอมีวันนี้เพราะม็อบ 3 นิ้ว
กลายเป็นคนที่สร้างกระแสดรามาจากโซเชียลฯรัวๆ ในช่วงนี้ สำหรับ กัส “โฟกัส จีระกุล” ดาราสาวที่แจ้งเกิดจากบท “น้อยหน่า” ในหนังเรื่อง “แฟนฉัน” หนังดังเมื่อหลายปีก่อน
“โฟกัส” ตกเป็นดรามาติดๆ กันหลายวัน หลายกรณี ตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการ “อีสปอร์ต” สภาผู้แทนราษฎร, ไลฟ์สดพาชมบรรยากาศรัฐสภาแห่งใหม่ ตั้งแง่ว่าขนาดลิฟต์ของ ส.ส. และลิฟต์ขอ'บุคคลทั่วไปยังเหลื่อมล้ำ จนมาถึงดรามา “รับบริจาคน้ำท่วม” ที่เธอวิพากษ์ “รัฐบาลลุงตู่” มีงบประมาณสร้างนู่นนี่นั่นได้ แต่กลับไม่มีงบฯ ช่วยน้ำท่วม
เรียกว่าแต่ละกรณี แต่ละโพสต์ มีทั้งติ่งม็อบเข้ามาชมและฝ่ายตรงข้ามจัดทัวร์ลง แล้วยังทำให้ “โฟกัส” เปิดศึกกับรุ่นใหญ่หลายคน เช่น กรณีได้นั่งเป็นที่ปรึกษาอีสปอร์ต อาศัยความรู้ความสามารถอะไร ปรากฏว่า งานนี้ “โฟกัส” ได้สวนกลับแบบคันๆ ว่า คนไม่ได้จบรัฐศาสตร์ยังเป็นายกฯได้ ทำไมหนูจะเป็นอนุกรรมาธิการเกมไม่ได้คะ? ปล.ถ้าเรื่องเกม หนูน่าจะฉลาดกว่าพี่นะคะ, ความรู้มีไม่พอ แต่ก็พร้อมจะเรียนรู้ ไม่ใช่อยู่มา 6 ปี แล้วไม่เรียนรู้อะไรเลย, ไม่ฉลาดเลยนะคะ ที่ไม่เคยสงสัยกับภาษีที่เสียไป ว่าถูกนำไปใช้กับอะไรบ้าง?, ยากเพราะมีคนแบบพี่เนี่ยแหละค่ะ
กรณีปมบริจาคช่วยน้ำท่วม ก็ฟาดกับ “มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข” ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ที่สวนกับคำถามของ “โฟกัส”...ทำนองว่า “ทุกจังหวัดที่เกิดภัยพิบัติรัฐบาล ใช้งบฯฉุกเฉินดำเนินการช่วยเหลือเบื้องต้นทุกแห่ง และแต่ละกรม-กอง-กระทรวง ต่างก็ใช้ทรัพยากรและงบประมาณรัฐบาลที่จัดสรรให้แต่ละปี รวมทั้งใช้กำลังพลลงพื้นที่ดูแลอยู่ในขณะนี้ !! ถ้าไม่มีความรู้ก็ถามก่อนค่ะน้อง #ใจอย่าบอด วาทกรรมแต่พอดี #สวยแต่อย่าเสือกโง่”
แน่นอน “โฟกัส” โต้กลับผ่านทางเฟซบุ๊ก ว่า “สวัสดีค่ะ พี่มัลลิกา น้องถามในฐานะประชาชนค่ะ ถ้าน้องรู้เยอะ น้องก็คงไม่ถาม ที่ตั้งคำถามเพราะต้องการคำตอบค่ะ ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ แต่กราบขอโทษจริงๆ นะคะ น้องไม่ได้ถามพี่มัลลิกาค่ะ ปล.ขอบคุณที่ชมว่าสวยนะคะ แต่เรื่องความรู้การเมือง น้องคงมีความรู้เรื่องการเมืองไม่มากเท่าพี่ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะคะ พี่มัลลิกา”
งานนี้ชักนำกองเชียร์สองฝ่ายได้เข้ามาปะทะคารมเดือดพล่านกันไป ในโลกโซเชียลฯ ไม่เว้นแม้แต่ “อ.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์” อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) คนดังผู้ที่ดีเบต ดับ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำคณะราษฎร คาจอมาแล้ว โพสต์ถึง “โฟกัส” ว่า "น้องคงกลืนวรรณกรรมชนชั้นโดยไม่ผ่านการคิดวิเคราะห์”
ว่ากันว่า ถ้าเช็กเรตติ้งกันวันนี้ “โฟกัส จีระกุล” ถือว่ามาแรงที่สุดในหมู่ดาราที่เข้าร่วม “ม็อบ 3 นิ้ว” แล้วอานิสงส์ออกตัวแรง ก็ทำให้ได้ดิบได้ดีไปด้วย โดย “โฟกัส” กับ “ทราย เจริญปุระ” เป็นสองดาราที่เห็นกันได้ชัดว่าได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ
“ทราย” นั้นพรีเซนต์ตัวเองเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ดูแลเรื่องเงินบริจาคและค่าใช้จ่ายอีเวนต์ของม็อบ ส่วน “โฟกัส” แสดงตนเป็นพลเมืองรุ่นใหม่สนับสนุนการปฏิรูป และโพสต์แสดงออกทางความคิดวิพากษ์ผ่านโซเชียลฯ ตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เรียกว่าได้กระแสการตลาด “3 นิ้ว” ส่งเสริม “จุดขาย” ของตัวเองจนพลิกสถานะจากไม่ค่อยมีงานเข้า กลายมาเป็นดาราที่ฮอตในหมู่ฝั่งสปอนเซอร์ม็อบ ถูกจ้างเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า และฝ่ายการเมืองที่สนับสนุนม็อบ ยังช่วยผลักดันให้เป็นที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการ “อีสปอร์ต” สภาผู้แทนราษฎร ดังกล่าว
งานนี้เรียกว่าเธอมีวันนี้ก็เพราะม็อบ 3 นิ้ว จริงๆ