ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ธนาธร” ร่วมเคลื่อนไหวแซะสถาบันฯ แต่ “น้องชาย” มุ่งหาประโยชน์ของสำนักงานทรัพย์สินฯ ? ดูจะเป็นเรื่องที่ร้อนขึ้นมาในโลกโซเชียลฯ หลังมีการเปิดเผย “คำพิพากษา” คดีที่มี “สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” น้องชาย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ถูกหลอกให้เงินใต้โต๊ะ 20 ล้านบาท ให้กับคนในของสํานักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพื่อแลกสัมปทานที่ดินทำเลทองย่านชิดลม
“สกุลธร” น้องชายของ “ธนาธร” เป็นนักพัฒนาที่ดินที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยการนำที่ดินจากแม่ “สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่เป็นนักสะสมที่ดินตัวยงมาพัฒนาต่อยอด... ว่ากันว่า หลังจากธนาธรลาออกจากบริษัท ไทยซัมมิท เพื่อลงเล่นการเมือง “สกุลธร” ก็ก้าวเข้ามารับตำแหน่งแทนธนาธร
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนปี 2560 ระหว่างเดือนมีนาคม 60 ถึงเดือนพฤศจิกายน 60 สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ได้ตรวจพบมีการปลอมแปลงเอกสารของสำนักงานทรัพย์สินฯ จึงได้สืบสวนแล้วดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้อง โดยจำเลยในคดีนี้มี 2 คน คือ “ประสิทธิ์ อภัยพลชาญ” และ “สุรกิจ ตั้งวิทวนิช” คนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯ อีกคนหนึ่งเป็นเหมือนคนกลางที่คอยประสานงาน
ว่ากันว่า “เอกสารปลอมแปลง” คือ รายละเอียดเกี่ยวกับการให้เอกชนเสนอโครงการพัฒนาที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ บริเวณองค์การโทรศัพท์ (ชิดลม) เรียกว่า จำเลยได้ทำเอกสารปลอมขึ้นมาทั้งฉบับ แล้วเอาไปหลอกให้ “สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” น้องชายธนาธร ที่เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด” ที่สนใจเข้ามาพัฒนาโครงการให้หลงเชื่อว่าเป็นจริง
ตามการสารภาพของจำเลยทั้งสอง ยอมรับว่า ได้เรียกรับเงินจาก “สกุลธร” แบ่งเป็น 3 งวด งวดแรก 5 ล้านบาท งวดที่สอง 5 ล้านบาท และงวดสุดท้าย 10 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท อ้างว่าจะเอาไปดำเนินการประสานงานให้
คดีนี้จำเลยถูกตัดสินเป็นความผิดทุจริตต่อหน้าที่ และปลอมแปลงเอกสารราชการ รวมจําคุกคนละ 5 ปี จําเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงลงโทษจําคุกจําเลยทั้งสองคนละ 3 ปี ยังคงเหลือคดีติดสินบนเจ้าพนักงาน ที่ “สกุลธร” ติดร่างแห จะต้องถูกพิพากษาต่อไป
งานนี้ วิจารณ์กันให้แซดโซเชียลฯ แม้ว่า “สกุลธร” ถูกหลอกด้วยเอกสารปลอม แต่ความเป็นนักธุรกิจที่จ่ายเงินใต้โต๊ะกว่า 20 ล้านบาทนั้น ก็แปลว่า คิดแล้วคุ้มกับผลประโยชน์มหาศาลหลายเท่าที่จะได้มา หากได้พัฒนาโครงการนี้
ที่สำคัญ...โซเชียลฯพากันตั้งคำถามว่า ในขณะที่ “ธนาธร” ผู้เป็นพี่ชายพยายามโจมตีสถาบันฯ โจมตีว่าสำนักงานทรัพย์สินฯ มีความไม่ชอบมาพากล แต่น้องชายคนในครอบครัว “จึงรุ่งเรืองกิจ” กลับมีพฤติกรรมหาประโยชน์จากสำนักงานทรัพย์สินฯ
“ธนาธร” น่าจะต้องปฏิรูปครอบครัว “จึงรุ่งเรืองกิจ” ก่อนหรือเปล่างานนี้ !!
** ซ่าเจอแสบ!! เมื่อ “กวิ้น” เข้าสภาเผชิญหน้า “เอ๋” เลยเกิดปะทะคารมผสมแอกชัน ขนสัตว์เลี้ยงมาหมดฟาร์มทั้ง แกะ ไก่ หมู
เหตุเกิดที่ห้องกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ และ “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก สองแกนนำม็อบสามนิ้ว เข้าชี้แจงกรณีขอให้ กมธ.ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่กระทำเกินหน้าที่โดยมิชอบ
“กวิ้น” แจ้งกับคณะกรรมาธิการว่า ได้ร่วมเคลื่อนไหวชุมนุมมาตั้งแต่เดือน ก.ค. ถึงวันนี้ถูกแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 26-27 คดี บางคดีก็เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาโดยมิชอบ โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนหลังนี้ โดนคดีอาญา มาตรา 116 มาตรา 112 ต่างกรรมต่างวาระไปถึง 17 คดี
บางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของสำนวนนำตัวไปขออนุญาตศาลฝากขัง เมื่อศาลไม่อนุญาตให้ฝากขังซึ่งจะต้องปล่อยตัว ก็จะมีตำรวจจากท้องที่อื่น ตามมาอายัดตัวนำไปเข้าห้องขังอีก ...
อย่างกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลไม่อนุญาตให้ฝากขังแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตามมาอายัดตัว จะพาไป สน.ประชาชื่น ตนเองจึงขอพบทนายก่อน เพราะเห็นว่าเป็นหมายจับที่สิ้นผลไปแล้ว แต่ตำรวจก็ยังคงยืนยันจะอายัดตัวและใช้กำลังพาไป สน.ประชาชื่น จนตนเองได้รับบาดเจ็บ ต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.พระราม 9 แต่ก็ยังมีตำรวจเอาหมายจับจาก สภ.พระนครศรีอยุธยา จาก จ.อุบลราชธานี มาจองคิวอีก
...ถือว่าเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย เป็นการทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม และผู้เห็นต่างทางการเมือง จึงขอเรียกร้องกรรมาธิการ เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงด้วย...
ไฮไลต์ มาอยู่ช่วงท้ายๆ ของการชี้แจง เมื่อ “เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี ซึ่งเป็นกรรมาธิการอยู่ในคณะนี้ด้วย ได้สอบถามทั้งสองคน เกี่ยวกับการปล่อยตัวว่า... การจะปล่อยตัวได้นั้นจะต้องมีหมายศาลมาที่เรือนจำก่อนจึงจะปล่อยตัวได้ ใช่หรือไม่ ... “ไมค์” ซึ่งนั่งฟังมาตลอดก็ยอมรับว่าใช่ และพยายามจะอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ “เอ๋” ก็ขัดคอว่าไม่ต้องพูดซ้ำอีก เพราะได้ชี้แจงไปแล้ว... ทำให้ “กวิ้น” ซึ่งเคยชินกับการปราศรัยไป ชี้นิ้วไป ก็ลุกขึ้นชี้นิ้วไปทาง “เอ๋” ประกอบการอธิบาย... อย่างนี้มีหรือที่ “เอ๋” จะยอม จึงลุกขึ้นยืน ชี้นิ้ว ชี้หน้า กลับไปบ้างพร้อมสำทับว่า “อย่าชี้หน้า ที่นี่ไม่ใช่ม็อบ” กวิ้น ก็โตกลับว่า “ที่นี่ไม่ใช่เล้าไก่” ...“เอ๋” สวนทันที “ดิฉันเคยเลี้ยงไก่ แต่ดิฉันไม่ชอบเลี้ยงหมู”
ต่อมา “เอ๋” ปารีณา ถามว่า จะมีการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำการโดยมิชอบตามที่กล่าวหาหรือไม่...“ไมค์” เหมือนเห็นช่องเอาคืน ประมาณว่า ที่พูดไปไม่ได้ฟังเลย หรือว่าฟังแล้วแต่ไม่เข้าใจ เลยย้อนกลับไปว่า ... ที่ถามอย่างนี้ ไม่ได้ฟังในสิ่งที่ตนได้ชี้แจงกรรมาธิการไปก่อนหน้านี้หรือว่ากำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการฟ้องร้อง... “เอ๋” รีบเชือดเฉือนกลับอย่างไวไม่มีอ้ำอึ้ง ว่า... “ดิฉันไม่ชอบฟังเด็กเลี้ยงแกะ ก็เลยฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง” ...“กวิ้น” ก็เข้ามาแจมว่า “ต้องเลี้ยงไก่ใช่ไหมครับ” เลยโดน “เอ๋” ย้ำแผลเดิมไปอีกครั้งว่า “ดิฉันเลี้ยงไก่ค่ะ แต่ไม่เลี้ยงหมู” !!
ทำเอานักข่าว ช่างภาพ และคณะกรรมาธิการ ฟังการโต้ตอบแล้วก็อมยิ้มไปตามๆ กัน
ถือว่าเป็นครั้งแรกที่คนดังนอกสภารับงานไล่รัฐบาล กับคนดังในสภาที่รับหน้าเสื่อปกป้องรัฐบาล ได้มาเจอกันแบบตัวเป็นๆ ก็เลยมีการโต้คารม ออกท่าออกทางกันหน่อย เพราะก่อนหน้านี้ มีแต่โต้กันในโซเชียลฯ โดยเฉพาะล่าสุด หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินว่า “ลุงตู่” อยู่บ้านหลวงไม่ผิด “กวิ้น” ก็ด่ากราดทั้งในโซเชียลฯ และที่เวทีม็อบ ...ซึ่ง “เอ๋” เห็นแล้วนอนไม่หลับ ต้องลุกไปแจ้งความกลางดึก แล้วก็โพสต์ข้อความพร้อมรูปว่า...“แจ้งความเพนกวิน ตามที่น้องเพนกวิน ได้โพสต์ข้อความที่ผิดกฎหมายทั้งหมด 4 โพสต์ พอเห็นแล้ว นอนไม่หลับ ต้องลุกมาแจ้งความ" ... พร้อมติดแฮชแท็ก # ให้มันจบที่คุก !!
เชื่อว่าหลังจากดีเบตสดแล้วคู่นี้คงไปรบกันต่อในโซเชียลฯ ใครถือหางใคร ก็ไปติดตามกันเองเอง !!