รมว.บัวแก้ว ระบุยังไม่มีต่างชาติแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ไทย ชี้เปรียบชุมนุมเมืองนอก บ้านเราเหมือนอนุบาล-ประถม ไม่ทราบเรื่องแกนนำขอลี้ภัย เห็นแต่ในโซเชียลฯ
วันนี้ (26 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่บังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อแกนนำกลุ่มราษฎร ซึ่งบางฝ่ายมองว่าขัดต่อหลักสากลว่า ขอให้ว่ากันไปตามกฎหมาย เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีของต่างประเทศมองการชุมนุมในประเทศไทยอย่างไร นายดอนกล่าวว่า ยังเหมือนเดิม ยังไม่เห็นมีอะไรเพิ่มเติม แต่โดยรวมแล้วเขาคงไม่อยากให้เกิดเหตุความวุ่นวาย ไม่ว่าที่ใดก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย เพราะท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้เป็นปัญหามากพออยู่แล้ว หลายประเทศคงไม่ได้คิดว่ามันจะมีปัญหาอะไรตามมาอีก อาจจะมีบางคนที่บอกว่าดีที่ประเทศไทยไม่เจอปัญหาโควิด-19 ถ้ามีปัญหาเรื่องโควิด-19 คงจะเป็นอีกสถานการณ์หนึ่ง แต่ประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือไม่มีการระบาดคงไม่มีความปรารถนาให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ในบ้านเขา
เมื่อถามว่า มีต่างประเทศแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในประเทศไทยหรือไม่ โดยเฉพาะการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ นายดอนกล่าวว่า ไม่มีเลย เท่าที่รับฟังมาจากการพบปะ ไม่มีใครพูดถึง ไม่มีใครถาม ถ้าจะมีเขาจะมองในมุมที่เปรียบเทียบกับบ้านเขามากกว่าว่าสถานการณ์ในบ้านเราเปรียบแล้วก็เท่ากับอนุบาลหรือประถม เพราะในต่างประเทศเขาจะเจอบ่อย เขาต้องวิ่งไล่ทุบไล่ตีกัน เขาไม่ได้มาห่วงกังวลบ้านเราในเรื่องนี้ และเราหวังว่าในบ้านเราจะไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายแบบนั้น
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีประเทศไหนห้ามประชาชนเดินทางมาไทยอันมีเหตุมาจากสถานการณ์การเมืองในขณะนี้บ้างหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า ไม่มีการห้ามอะไรเป็นพิเศษ และปกติในช่วงนี้การเดินทางเข้ามาลำบากอยู่แล้ว มีแต่ในอดีตที่เคยมีการแจ้งให้ทราบว่ามีเหตุการณ์แบบนี้ในบ้านเราอยู่
เมื่อถามว่า มีรายงานว่าจะมีคนขอลี้ภัยไปต่างประเทศบ้างหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ถ้ามีก็คงไม่ได้ผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ ตนเห็นแต่ข่าวในโซเซียลมีเดีย แต่ไม่ได้ไปติดตามเรื่องนี้ เพราะข่าวในโซเชียลมีเดียขณะนี้ต้องหารกันหลายตลบ ไม่รู้ว่าอะไรของจริงหรือไม่จริง
เมื่อถามว่ามีการรายงานถึงคนที่อยู่ต่างประเทศและเข้ามามีบทบาท หรืออยู่เบื้องหลังการชุมนุมในประเทศไทยหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า อันนี้ในโซเชียลมีเดียมีการพูดกันเยอะ คงเป็นเรื่องที่รู้กันดีอยู่แล้ว แต่ข้อสำคัญคือ บ้านเราเป็นบ้านเมืองที่สงบสันติมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ต้องถามว่าพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วใครพอใจ ความร่มเย็นเป็นสุขมันหายไปไม่เหมือนเดิม
นายดอนกล่าวว่า มีนักการทูตหลายชาติเคยพูดว่าเขาเคยมาเมืองไทย เขาอยากเห็นบ้านเมืองเรากลับไปสู่สภาวะเดิมโดยเร็วซึ่งเป็นเรื่องของคนไทยที่ต้องช่วยกัน เพราะนักการทูตที่พูดแบบนี้หลายคนยังสนับสนุนว่าประเทศไทยเป็นประเทศเป้าหมายหลักที่เขาอยากมาอยู่ อยากมาทำงาน โดยมีการจองคิวแย่งกัน สะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมาบ้านเราเป็นสถานที่ที่คนส่วนใหญ่ปรารถนาอยากมาทำงาน เพราะมีสภาวะแวดล้อมที่ดี มีความครบครันในปัจจัยหลายๆ อย่างมากมาย เขาจึงอยากให้เป็นแบบนั้น