“แรมโบ้อีสาน” ย้ำนายกฯ บังคับใช้กฎหมายทุกฉบับกับผู้ชุมนุมทำตามกฎหมาย ไม่ได้ส่งสัญญาณใช้ความรุนแรง โต้ “อนุสรณ์” อย่าเข้าข้างพวกตัวเอง จนคิดว่าคนอื่นทำผิดไปหมดโดยไม่สนใจบ้านเมือง
วันนี้ (25 พ.ย.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่าที่นายกฯ บังคับใช้กฎหมายทุกฉบับเอาผิดต่อผู้ชุมนุมจนมีการวิเคราะห์ว่าเป็นสัญญาณใช้ความรุนแรง ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณการใช้ความรุนแรง และการที่นายกฯ ประกาศใช้กฎหมายทุกฉบับถือมีความชอบธรรม และปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งก็เกิดจากพฤติกรรมของผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมาย ชุมนุมไม่สงบ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เดือดร้อน และยังมีการจาบจ้วงสถาบันฯ ก้าวร้าว นิยมความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมานายกฯ และรัฐบาลไม่เคยห้ามให้มีการชุมนุม อีกทั้งยังสั่งการให้ตำรวจได้ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอย่างดี อะลุ้มอล่วยให้ผู้ชุมนุมมาโดยตลอด จนมีประชาชนส่วนใหญ่ยังมาต่อว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ดังนั้นการนำกฎหมายต่างๆ มาใช้ถือว่าทำถูกต้องแล้วเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ
“เชื่อว่าประชาชนไม่คิดว่าการบังคับใช้กฎหมายของนายกฯ จะเป็นการส่งสัญญานถึงการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม เพราะรัฐบาลทำถูกต้องตามกฎหมาย ประชาชนเข้าใจ แต่คนที่มองว่าจะเกิดความรุนแรงก็น่าจะมีแต่พรรคเพื่อไทยและผู้ชุมนุมเท่านั้น เพราะคิดเข้าข้างพวกตัวเองและกลุ่มผู้ชุมนุม จนมองว่ารัฐบาลทำอะไรก็ผิดไปหมด โดยไม่สนใจใครหรือสนใจบ้านเมืองว่าจะเกิดความวุ่นวายเดือดร้อน ก้าวร้าว ก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบันฯ เสียหายมากมายเพียงใด และที่นายอนุสรณ์ยังพูดเรื่องการรัฐประหารที่ประชาชนตั้งคำถามถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น อาจเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อยึดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น พรรคเพื่อไทยต้องย้อนกลับไปดูถึงต้นตอในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำอะไรไว้บ้างถึงทำให้มีคนออกมาชุมนุมขับไล่ ควรเอาอดีตมาเตือนสติตัวเองจะได้ระวังและคิดก่อนที่จะพูดอะไรออกมา และขณะนี้นายกฯ ไม่เคยมีแนวความคิดในการสร้างสถานการณ์ทำรัฐประหาร นายอนุสรณ์และพรรคเพื่อไทยเอาสมองส่วนไหนมาคิด”
“นายอนุสรณ์รู้แก่ใจ บางครั้งควรหยุดพูดมากบ้างก็ได้ ปล่อยเป็นหน้าที่โฆษกพรรค อย่าทำงานล้ำเส้นคนอื่น พรรคเพื่อไทยจะได้ไม่เสียหายตกต่ำไปมากกว่านี้ ควรที่จะช่วยกันพูดให้แกนนำเหล่านี้ยุติการชุมนุม หยุดจาบจ้วงก้าวล่วงสถาบันฯ ได้แล้ว”