กมธ.ศึกษาแก้ รธน. สรุปความเห็นไม่ควรรับร่างแก้รายมาตรา เพราะหากมี ส.ส.ร. และรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา องค์กรจะมีอำนาจทับซ้อนกัน
วันนี้ (13 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้นัดประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 17-18 พฤศจิกายน เพื่อพิจารณาวาระสำคัญ คือ รายงานการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ก่อนรับหลักการจำนวน 6 ฉบับ ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว และเรื่องด่วน คือ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำนวน 7 ฉบับ แบ่งเป็น ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับที่เสนอโดย ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล จำนวน 1 ฉบับ, ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับที่เสนอโดย ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน จำนวน 5 ฉบับ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับที่เสนอโดย นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 98,041 คน เป็นผู้เสนอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายงานการพิจารณาร่างรัฐธรมนูญ ก่อนรับหลักการ ที่มี นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน กมธ. นั้น มีสาระที่สำคัญ คือ การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แยกเป็นรายฉบับทั้งสิ้น 6 ฉบับ โดยนำความเห็นของ กมธ. บรรจุไว้ในรายงาน แต่ไม่สรุปผลในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ความเห็นของ กมธ. นั้น แบ่งเป็น 2 ฝั่งอย่างชัดเจน คือ ฝั่งที่เห็นว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่แก้ไขมาตรา 256 และให้ตั้งหมวดว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นั้น สามารถทำได้ ไม่ขัดต่อหลักการของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นฝั่งของ กมธ. ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่อีกฝั่งที่เห็นว่าไม่สามารถแก้ไขโดยตั้ง ส.ส.ร. ได้ เป็นฝั่งจาก ส.ว. และมี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะผู้นำยื่นญัตติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดย ส.ส.ร. นั้นขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ที่กำหนดให้ทำได้ เฉพาะแก้ไขเพิ่มเติม ไม่ใช่ยกร่างใหม่ทั้งฉบับ ได้ให้ความเห็นโต้แย้งไว้อย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ยังมีประเด็นข้อกฎหมายที่น่าสนใจ คือ กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีลักษณะการทำงานแบบซ้อนองค์กร หากมี ส.ส.ร. และ รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา ซึ่ง กมธ. สรุปความเห็นว่า กมธ. สามารถมีมติรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับได้ เพราะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติใช้อำนาจแทนประชาชน แต่หากรัฐสภาลงมติรับร่างแก้ไขเพิ่มเติมที่เสนอแก้รายมาตรา จะมีผลให้เกิดองค์กรที่มีอำนาจทับซ้อนกัน จึงไม่พึงกระทำ เพราะขัดต่อหลักการสำคัญ คือ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดและมีผลย้อนแย้งในทางปฏิบัติ
ขณะที่หากรัฐสภาไม่ลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตรา จะนำเนื้อหาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่ ความเห็นของ กมธ. สรุปว่าทำได้ เพราะเป็นสิ่งที่ ส.ส.ร. จะดำเนินการแต่ต้องเป็นไปภายใต้กรอบของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาลงมติแล้วอย่างเคร่งครัด