ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ดรามา “ป้าตบเด็ก” ดึงสติติ่ง 3 นิ้ว-สลิ่ม เอาความรุนแรงมาใช้ประโยชน์เข้าพวก โหมไฟการเมือง-สถาบันฯ
กรณีโลกโซเชียลแชร์เหตุการณ์ที่มีผู้หญิงคนหนึ่ง “ตบเด็กนักเรียนหญิง” ที่มานั่งคอยขึ้นรถไฟกลับบ้านที่สถานีรถไฟอยุธยาเมื่อวันก่อน แล้วหลังเกิดเหตุผู้ปกครองของเด็กนักเรียนเข้าแจ้งความ ต่อ สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ดำเนินคดีกับหญิงรายนั้น
ต่อมาได้ความว่า ตำรวจ นายอำเภอ และ ทางโรงเรียนรวมกัน 3 ฝ่าย ร่วมกันสอบปากคำเด็กนักเรียน ที่ถูกหญิงรายนั้นตบ แล้วตำรวจก็สรุปว่า เป็นคดีเกี่ยวกับทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้รับอันตรายแก่กายและใจ
ส่วนฝ่ายผู้เสียหาย ก็เป็นห่วงกลัวว่าจะเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โต โยงเกี่ยวกับเรื่องสถาบันฯ และการเมือง ซึ่งตำรวจยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่นักเรียน “ไม่ยืนเคารพธงชาติ” นั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองแต่อย่างใด โดยที่เด็กในวันที่เกิดเหตุเธอเป็นประจำเดือน และมีอาการปวดท้อง จึงทำให้ไม่ได้ยืนเคารพธงชาติ ทำให้ผู้ก่อเหตุ มองเห็นแล้วเข้าใจว่า เด็กไม่ยืนเคารพธงชาติ จึงเข้าไปต่อว่าและเกิดการโต้เถียงกันจึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
หลังจากนั้น หญิงคนลงมือตบ ซึ่งก็สืบทราบภายหลังเป็นแม่ค้าขายของที่สถานีรถไฟอยุธยา ได้จับมือกับพ่อเด็กวัย 15 ที่ถูกทำร้าย พร้อมขอโทษครอบครัว โดยรับว่า ทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ไม่รู้ว่าที่เด็กไม่ยืนเคารพธงชาติเพราะปวดท้องประจำเดือน ซึ่งพ่อของเด็กนักเรียนหญิงก็ให้อภัย แต่ไม่ยอมความ ขอให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย
เรื่องราวนี้เหมือนจะจบลงว่า เป็นคดีทำร้ายร่างกายกัน ไม่เกี่ยวการเมือง แต่ก็ได้กลายเป็นดรามาขึ้นมาตลอดทั้งวัน โดย แฮชแท็ก “#ป้าตบเด็ก” ติดอันดับยอดนิยมในสื่อโซเชียล ที่ถูกฝ่ายม็อบและติ่งลุงใช้แสดงออกทางการเมืองช่วงเวลานี้ ตามมาด้วยการออกมารวมตัวกันของเด็กนักเรียน ที่สถานีรถไฟ
ที่เห็นๆ กันไม่ได้เหนือความคาดหมายในโเซียลฯ ทั้งสองฝ่าย “ติ่งม็อบ 3 นิ้ว” และ “ติ่งลุง” ต่างโหนกระแส เอาเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงครั้งนี้มาขยายความ เป็นประเด็นหาประโยชน์เข้าข้างพวกตัวเอง
ฝ่าย “ติ่งม็อบ 3 นิ้ว” ก็ชูปมป้าตบเด็กเพราะไม่เคารพธงชาติ เป็นความรุนแรงของพวก “สลิ่ม” ที่นิยมทำกับเด็ก... ขณะ “ติ่งลุง” อย่างเพจเชียร์ลุง ถึงกับ “เปิดรับบริจาคช่วยค่าปรับ” ป้าตบเด็ก เชียร์กันไม่ดูข้อเท็จจริง
เรียกว่า โหมไฟให้เกลียดชังกันและกันให้กระพือขึ้นในสังคม พยายามจะโยงให้เป็นเรื่องการเมือง และสถาบันฯ ให้ได้ โดยหารู้ไม่ว่า การกระทำของตัวเองนั่นแหละเข้าข่ายสนับสนุนความรุนแรง
“ป้าตบเด็ก” อันที่ถูกและความจริงก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย สังคมไทยย่อมไม่สนับสนุนความรุนแรง ไม่มีใครชอบความรุนแรงอยู่แล้ว
กรณีนี้เด็กนักเรียนน่าเห็นใจและน่าสงสารที่โดนทำร้าย ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด “ป้า” ก็ไม่มีสิทธิ์จะไปทำร้ายร่างกายคนอื่น ป้าไม่มีสิทธิ์ตบคน “คิดต่าง” หรือเพียงเพราะเป็นผู้ใหญ่กว่า แล้วไปทำร้ายร่างกายเด็กได้ ตรงนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องที่สังคมต้องต่อต้าน
ดรามานี้ ความจริงก็มีเท่านี้ ฝากไว้ให้ฉุกคิด มีสติกันบ้างทั่งสองฝั่ง
**บอดี้สแลม กลายเป็น บอดี้สลิ่ม ผลงานทัวร์ลง ระรานไล่ล่าคนเห็นต่างของฝูงซอมบี้ ติ่ง 3 นิ้ว
ปรากฏการณ์ไล่ล่าตามราวี คุกคาม บุลลี่ทางโซซียลฯ คนดัง คนมีชื่อเสียงที่มีแนวคิดหรือจุดยืนที่ไม่เอนเอียงมาฝ่าย “ม็อบคณะราษฎร” ยังมีให้เห็นต่อเนื่อง
จากดาราสาว “อั้ม พัชราภา” นักร้องเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีชาวไทย “ลิช่า แบล็กพิงค์” ...“ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์” มิสยูนิเวิร์ส พระเอกรุ่นใหญ่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” และแล้วก็มาถึงคราวของ “ตูน และ วงบอดี้สแลม” ที่แฟนเพลงรู้จักกันดี เป็นรายล่าสุด...
ข่าวว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ Every Bodyslam ของวงบอดี้แสลม หลังจากที่ได้โพสต์ข้อความ “กรีดแขนไม่ช่วยอะไร” ในเพจ ซึ่งว่ากันว่าเป็นเนื้อเพลงส่วนหนึ่งของเพลง “อกหัก” ซึ่งเป็นเพลงของ “วงบอดี้สแลม” ซึ่งข้อความเนื้อเพลงที่ว่านี้ ไปตรงกับเหตุการณ์ “วิสาร เตชะธีรวัฒน์” ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ใช้มีดกรีดแขนตัวเอง ระหว่างการประชุมรัฐสภา เรียกร้องให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง
ปรากฏว่า ไม่นานก็มีคอมเมนต์ ด่าทอ “วงบอดี้สแลม” เข้ามารัวๆ ด้วยข้อกล่าวหาว่า “ตูนและสมาชิก” มีพฤติกรรมเป็น “สลิ่ม” ซึ่งหมายถึงฝ่ายเชียร์รัฐบาล ฝ่ายตรงข้ามของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย และม็อบคณะราษฎร
จาก “บอดี้สแลม” จึงกลายเป็น “บอดี้สลิ่ม” ไปโดยพลัน งานนี้ไม่ต้องสืบก็รู้ว่า เป็นผลงานการจัดทัวร์ของกลุ่มนักรบคีย์บอร์ด ที่เรียกขานกันวา “ฝูงซอมบี้” รุมขยี้กัดไม่ปล่อย แม้ต่อมาเพจได้ลบข้อความดังกล่าวทิ้งไปแล้วก็ตาม ก็ยังกดดันระรานเรียกร้องให้แอดมินเพจ ออกมารับผิดชอบ
เห็นแล้วก็ได้แต่ อนิจจัง อนิจจากันไป เพราะพฤติกรรมแบบนี้กระมังที่ว่ากันว่า กระแสม็อบหลังๆ เสียเสียคะแนนไปให้ฝ่ายลุงเยอะเลย.
** “ธัญญ์วาริน” ส.ส.สีรุ้ง จากพรรคก้าวไกล คนเดียวที่โดนเชือด จากคดีถือหุ้นสื่อ ตามรอย “ธนาธร”
ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้ว คดีส.ส.ถือหุ้นสื่อ มีเพียง “กอล์ฟ” ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ จากพรรคก้าวไกล เพียงคนเดียวที่ดิ้นไม่หลุด
คดีถือหุ้นสื่อนี้ มี ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลที่ “ติดบ่วง” อยู่ฝ่ายละ 32 คน รวม 64 คน แต่ฝ่ายรัฐบาล มีผู้ที่ถูกพิพากษาถึงที่สุดของศาลอาญาให้จำคุกไป 1 คน ลาออก 2 คน จึงเหลือให้ศาลฯพิจารณา เพียง 29 คน เช่นเดียวกับฝ่ายค้านก็เหลือ 29 คน เนื่องจากมีอดีต กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกยุบพรรค พ้นสภาพ ส.ส.ไปแล้ว 3 คน
ก่อนศาลฯ มีคำพิพากษา... คนของฝ่ายรัฐบาลที่ถูกมองว่า “มีความเสี่ยง” แบบต้องลุ้นกันก็คือ “ภาดาท์ วรกานนท์” ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ส่วนของฝ่ายค้านคือ “ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์” ส.ส.พรรคก้าวไกล
ในรายของ “ภาดาท์” นั้น ถูกร้องว่าถือหุ้นใน บริษัท ทาโร่ ทาเลนท์ จำกัด ประกอบกิจการ รับทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ตามสื่อต่างๆ จัดฝึกอบรม ... ซึ่งจากการตรวจสอบของศาลฯ เกี่ยวกับแบบนำส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าตามงวดบัญชี พบว่า บริษัทไม่มีรายได้ใดๆ เมื่อศาลฯ เรียกให้มาชี้แจง ก็มาชี้แจง จึงฟังได้ว่า บริษัท ทาโร่ ทาเลนท์ ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อ หนังสือพิมพ์ หรือ สื่อมวลชนใดๆ...“ภาดาท์” รอด !!
ส่วนกรณีของ “ธัญญ์วาริน” ที่ถือหุ้น บริษัท เฮด อัพ โปรดักชั่น จำกัด และ บริษัท แอมฟายน์ โปรดักชั่น จำกัด... โดยทั้ง 2 บริษัท ประกอบกิจการเกี่ยวกับโฆษณา ภาพยนตร์ และ การแสดง ซึ่งถือว่าเป็นสื่อกลาง ส่งข่าวสาร หรือเนื้อหาสาระ ไปสู่ประชาชนที่สามารถสื่อความหมายให้ประชาชนทราบได้โดยทั่วไป
ที่สำคัญคือ ศาลฯ พบข้อพิรุธว่ามีการโอนหุ้นให้บุคคลอื่น หลังถูกยื่นคำร้องต่อศาลฯแล้ว...การจัดประชุมผู้ถือหุ้นที่ปกติจะมีขึ้นในเดือน เม.ย.ก็เลือนไปเดือน ก.ค. เมื่อศาลฯเรียกให้มาชี้แจงก็ไม่มา ซึ่งผิดปกติวิสัยของการสู้คดี เมื่อข้อพิรุธหลายประการดังกล่าวประกอบกัน ศาลฯจึงสั่งให้ “ธัญญ์วาริน” สิ้นสภาพ ส.ส.
สำหรับ “กอล์ฟ” ธัญญ์วาริน ถือว่าเป็นคนในสายบันเทิง เคยเป็นนักแสดง เขียนบท กำกับภาพยนตร์ และยังเคยได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย มาแล้ว
เมื่อเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคสีส้ม และได้อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. เธอก็ตั้งความหวังว่าจะได้เป็น ส.ส.ข้ามเพศ เป็น “กะเทยแต่งหญิงคนแรกของสภาไทย” ... และเธอก็ไปถึงฝันจริงๆ...ได้เป็นตัวแทนของ “ชาวสีรุ้ง” ที่มาขับเคลื่อน เรียกร้องสิทธิต่างๆ ให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ... ถึงขั้นยื่นญัตติขอตั้ง คณะกรรมาธิการสามัญผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร... แต่ถูกสภาตีตกไป
...ที่ฮือฮาที่สุดก็คงเป็นเหตุการณ์ที่เธอแถลงข่าว และเป็น “ผู้กำกับบท” นับ หนึ่ง..สอง.. สาม สั่ง “แอกชัน” ให้เด็กหนุ่มสองคน “จูบปาก” กันกลางสภา...เพื่อเป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ !!
วันนี้ “ธัญญ์วาริน” ถูกศาลฯ สั่งให้สิ้นสภาพ ส.ส. และอาจถูกสํานักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเรียกคืนเงินเดือน ส.ส. เงินค่าตอบแทนต่างๆ รวมทั้งเบี้ยประชุม จากการเป็นกรรมาธิการ... เพราะถือว่าไม่เคยดำรงตำแหน่ง ส.ส. มาก่อน
นอกจากนี้ ยังต้องถูก กกต. ดำเนินคดีอาญา ตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่กำหนดโทษไว้ว่า...ผู้สมัครผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์สมัครแล้วยังลงสมัครรับเลือกตั้ง... ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000 บาท และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
...เรียกได้ว่าเป็นการเดินตามรอยเท้า “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรค ที่ต้องตกเก้าอี้เพราะหุ้นสื่อมาแล้ว ...และกรณีนี้คงถูกนำไปใช้ “เรียกแขก” ว่าเป็น “นิติสงคราม” ที่พรรคถูกกระทำจากฝ่ายรัฐ ผ่านกระบวนการยุติธรรม !!