“ชวน” ระบุคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ปม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของ กมธ.มีผลผูกพันสภาแล้ว เตรียมสอบมีกี่ชุดที่ใช้อำนาจไปแล้ว ด้าน “เสรีพิศุทธ์” ยอมรับกระทบการทำงานแต่ไม่มาก ยังมีรัฐธรรมนูญ ม.129 ให้อำนาจอยู่
วันนี้ (8 ต.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีวินิจฉัยให้พระราชบัญญัติคําสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา พ.ศ. 2554 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ว่ายังไม่เห็นรายละเอียดในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันกับรัฐสภาแล้ว ดังนั้น หลังจากจากนี้ขอเวลาดูว่าจะมีผลต่อการทำงานกรรมาธิการอย่างไรบ้าง และต้องไปตรวจสอบอีกว่าคณะกรรมาธิการกี่ชุดที่ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย และประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤตมิชอบ สภาผู้แทนฯ กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมานั้นอาจมีผลกระทบต่อการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ ในส่วนของตนบ้าง แต่อาจจะไม่มากนัก เพราะถ้าเป็นการเชิญหน่วยงาน-หัวหน้าส่วนราชการมาชี้แจงก็ยังสามารถประสานงานกับรัฐมนตรีให้ดำเนินการสั่งการให้หัวหน้าส่วนราชการมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการได้ แต่จะเป็นปัญหาในกรณีของการเชิญภาคเอกชนมาชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่คณะกรรมาธิการอาจจะดำเนินการได้ไม่เต็มที่เพราะไม่มีอำนาจในการออกคำสั่งเรียกตามกฎหมายแล้วซึ่งจะทำให้การสรุปข้อเท็จจริงทำได้ไม่สมบูรณ์
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคําสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 129 ยังได้ให้อำนาจคณะกรรมาธิการในการทำงานได้อย่างเต็มที่อยู่ โดยมาตรา 129 ระบุว่า คณะกรรมาธิการมีอํานาจเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความเห็นในกิจการที่กระทําหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้นได้ แต่การเรียกเช่นว่านั้นมิให้ใช้บังคับแก่ผู้พิพากษาหรือตุลาการที่ปฏิบัติตามหน้าที่ หรือใช้อํานาจในกระบวนวิธีพิจารณาพิพากษาอรรถคดี หรือการบริหารงานบุคคลของแต่ละศาล และมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามหน้าที่และอํานาจโดยตรงในแต่ละองค์กรตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ หรือตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ