เมืองไทย 360 องศา
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเห็นความชัดเจนแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อไทยจะออกมาแบบไหน จากการประชุมวิสามัญของพรรค เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ แม้ว่าที่ผ่านมา จะพอเห็นภาพการเคลื่อนไหวที่มีการส่งสัญญาณออกมาให้เห็นกันล่วงหน้าแล้วว่า จะเป็นแบบไหน แต่เพื่อความชัวร์ ก็ต้องรอผลออกมาอย่างเป็นทางการก่อน
เท่าที่แย้มออกมาให้เห็น และเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือมีแนวโน้มสูงที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรค จะได้รับเลือกกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง และมีชื่อของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง จะมานั่งตำแหน่งเลขาธิการพรรคคนใหม่ หากระดับหัวออกมาแบบนี้ มันก็ชัดเจนว่ามีการ “ยึดพรรคคืน” อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกัน ยังมีการคาดการณ์กันอีกว่า การเปลี่ยนแปลงในพรรคเพื่อไทยคราวนี้ ยังส่งสะเทือนต่อสถานะของ “บางกลุ่ม” ในพรรค โดยเฉพาะกับกลุ่มที่นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรค ซึ่งจะสูญเสียบทบาทลงไปในแบบแทบจะสิ้นเชิงเลยทีเดียว โดยจะถูกจำกัดบทบาทให้มีอยู่เฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงเดิมในเขตกรุงเทพมหานครในบางพื้นที่ อย่างน้อยก็คงไม่อาจคุมโซนไปถึงย่านฝั่งธนบุรี ซึ่งรับรู้กันว่าอยู่ในเขตอิทธิพลของ “เหลิมบางบอน” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
อย่างที่รับรู้กันมาแล้วว่า ปรากฏการณ์ “กราบ” ของ คุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภรรยาของนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วยลูกๆ และคนในครอบครัวได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปถึงพรรคเพื่อไทย และนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงคณะคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ดังกล่าว
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลายคนมองว่าเป็นการ “อยู่เป็น” ของคนในครอบครัวนี้ ซึ่งรับรู้กันมานานแล้วว่าเป็น “เจ้าของพรรค” ตัวจริงมานาน อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ในทางการเมืองมองว่าพวกเขาได้ “ปล่อยมือ” มาสักพักหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะในเรื่อง “ท่อน้ำเลี้ยง” ทำให้เกิดรายการกระจัดกระจายแตกกระสานซ่านเซ็นออกไปพอสมควร
อีกทั้งการบริหารจัดการภายในพรรคก็ขาดเอกภาพ มีการช่วงชิงการนำระหว่างกลุ่มก๊วน ที่เห็นก็คือ กลุ่มที่นำโดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กับกลุ่มของคุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อีกทั้งบทบาททั้งในและนอกสภาที่ถูกมองว่าไม่มีความโดดเด่น มิหนำซ้ำ ยังตกเป็นเบี้ยล่างต้องเดินตามเกมการเมืองของพรรคขนาดรองลงไปในซีกฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล ทั้งที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่และเป็นผู้นำฝ่ายค้าน แต่บทบาทกลับเป็นรอง
และจากปรากฏการณ์ “กราบ” ดังกล่าวที่เกิดขึ้นหลังจากเกิด “ม็อบปลดแอก” ที่มีการนำมวลชนคนเสื้อแดงเข้ามาสมทบกับการชุมนุม เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา ที่มีการมองเจตนาเลยเถิดถูกวิจารณ์ในเรื่อง “ล้มเจ้า” ทำให้เหมือนกับว่าพรรคเพื่อไทย ติดร่างแหไปด้วย
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ทางหนึ่งก็เหมือนกับเป็นการปรับทิศทางของพรรคใหม่ อย่างน้อยให้กลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกัน หากตามรายงานข่าวที่ระบุว่า จะมีการดึงอดีตแกนนำพรรคที่แยกตัวออกไปให้กลับมาช่วยงานพรรคอีกครั้ง มันก็ยิ่งเห็นภาพชัด โดยเฉพาะการปรับแผนใหม่ด้วย “รวบรวมแบงก์ย่อย” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เปลี่ยนจากเดิมที่เคย “แตกแบงก์ย่อย” จนผิดพลาดมาจนทุกวันนี้
ขณะเดียวกัน ในทางการเมืองก็เหมือนกับการปรับยุทธศาสตร์เพื่อกลับมารุกอีกรอบ และเชื่อว่า ครอบครัวของนายทักษิณ ชินวัตร จะกลับคุมเกมโดยตรงอีกครั้ง โดยผ่านทาง คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร นั่นเอง อย่างน้อยในระยะเฉพาะหน้าก็น่าจะเป็นแบบ “อยู่เป็น” อย่างที่เห็น อย่างน้อยก็ไม่เดินตามเกมของพรรคก้าวไกล ที่อยู่ในเครือข่ายของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับพวกเหมือนก่อนหน้านี้
และแน่นอนว่า เมื่อยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงในแบบ “อยู่เป็น” และเน้นรวบรวมแบงก์ย่อยกลับมาเป็น “แบงก์พัน” นั่นก็หมายความว่า จะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับพรรคก้าวไกล ที่ในความเป็นจริงแล้วมันก็คือ “คู่แข่ง” กันในทีอยู่แล้ว เพราะมีฐานที่ทับซ้อนกัน การเติบโตของพรรคก้าวไกลมากเท่าใด ก็จะยิ่งทำให้พรรคเพื่อไทยเล็กลงเท่านั้น
นาทีนี้ถือว่าการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อไทยใน วันนี้ (1 ตุลาคม) ถือว่าน่าจับตาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่ว่าจะออกมาแบบไหนตามรายงานที่ปรากฏ คือ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกรอบ และเลขาธิการพรรคเป็นของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ในโควตากลุ่มอีสาน หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็น่าจะได้เห็นภาพของ “สายตรง” ของนายใหญ่ “นายหญิง” ที่ต้องกลับเข้ามาคุมเกมให้รัดกุม โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การเมืองที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้จะพลาดอีกไม่ได้เป็นอันขาด !!