ชาวบ้านสามชุก สุพรรณ เฮ! ศาล ปค.สั่งนายกเทศมนตรีสามชุก ควบคุมโรงงานผลิตน้ำตาล ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ ปชช.ที่อาศัยโดยรอบ ซ้ำสั่งอุตสาหกรรมจังหวัดแก้ปัญหาฝุ่นละออง
วันนี้ (30 ก.ย.) ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้นายกเทศมนตรีตำบลสามชุก จ.สุพรรณบุรี ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และให้อุตสาหกรรมจังหวัดสุพรรณบุรี ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงานผลิตน้ำตาล ของบริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลสุพรรณบุรี จำกัด ไม่ให้ก่ออันตรายและเหตุรำคาญแก่บุคคลที่อยู่อาศัยใกล้เคียงกับโรงงาน โดยศาลให้เหตุผลว่า จากการตรวจสอบของกรมควบคุมมลพิษ และคำให้การของบริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาล ที่ยอมรับว่า โรงงานทำน้ำตาลทรายก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นละออง เสียงดัง มีกลิ่นเหม็นจริง ซึ่งการระบุเหตุเดือดร้อนรำคาญเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกเทศมนตรี ต.สามชุก ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข 2535 จะอ้างปัญหาการขาดแคลนบุคลากรหรือขาดแคลนเครื่องมือในการตรวจวัดมลพิษ ซึ่งเป็นปัญหาการบริหารจัดการภายในองค์กรมาเป็นเหตุเพื่อยกเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ได้ จึงถือว่า นายกเทศมนตรี ต.สามชุก ละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติในการกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงานน้ำตาลทรายดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข และเมื่อพิจารณากระบวนการผลิตน้ำตาลทรายจากอ้อยที่จะต้องมีการเผาชานอ้อย ปัญหารถบรรทุกอ้อยที่วิ่งเขาออกเพื่อขนส่งอ้อย ที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง แต่กลับมีการตรวจวัดค่าฝุ่นละอองจากปล่องระบายอากาศแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่ทำการวัดค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน ที่บริเวณรอบโรงงานหรือตามที่พักอาศัยของประชาชน จึงฟังได้ว่าอุตสาหกรรม จ.สุพรรณบุรี ยังคงละเลยต่อหน้าที่ตาม พ.ร.บ.โรงงาน 2535 ที่กำหนดให้ต้องปฏิบัติในการกำกับดูแลการประกอบกิจการของโรงงานผลิตน้ำตาลดังกล่าว
ส่วนการที่คณะกรรมการกิจการพลังงาน อนุญาตให้บริษัท ทิพย์สุพรรณบุรี ไบโอเอนเนอยี่ จำกัด ประกอบกิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล (กากอ้อยและใบอ้อย) ขนาดกำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์นั้น ศาลเห็นว่า เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากที่ตั้งโรงงานของบริษัท ทิพย์สุพรรณบุรี ไม่ขัดต่อข้อ 2 ข้อ 4 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2535) ออกจากความใน พ.ร.บ.โรงงาน 2535 ตลอดจนกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องและก่อนที่คณะกรรมการกิจการพลังงานจะออกใบอนุญาตได้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว