นักวิชาการ จวก คนใจต่ำเยาะเย้ย “บูลลี่” “ผู้กองปูเค็ม” ถูกทำร้าย ทั้งที่เสี่ยงชีวิตช่วยสังคม “ปวิน” เย้ย ไม่เจอกับตัวเองไม่รู้ มันโหดร้ายแค่ไหน เหมือนเคยหัวเราะถากถางตัวเอง เป็น “ผู้ลี้ภัย” “ทอน-บก.ลายจุด” ประณามคนทำ เห็นใจ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (17 ก.ย. 63) เฟซบุ๊ก Pat Hemasuk ของ นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความระบุว่า
“ไม่ว่าจะอยู่การเมืองฝั่งไหนก็ตาม ผู้กองทรงกลด ก็เป็นคนออกหน้านำตำรวจเข้าปราบตู้สล็อตที่ระบาดไปทั่วประเทศ สูบเลือดเนื้อตั้งแต่ผู้ใหญ่จนถึงเยาวชน การที่ต้องเจอกับการทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส จนเกือบเสียชีวิตนั้น ไม่ควรเอามาเป็นเรื่องล้อเล่นเพื่อความสนุกสะใจอย่างที่เห็นในหลายเพจเวลานี้
จริงอยู่ เรื่องจุดยืนทางการเมืองที่ต่างกัน ซึ่งผู้กองทรงกลด ประกาศจุดยืนที่แตกต่าง แต่สิ่งที่ผู้กองได้ทำมา คือ ปราบบ่อนขนาดเล็กในชุมชนเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ล้วนๆ ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเลย
ดังนั้น การที่เอาภาพที่ไม่สมควรจะออกสื่อหรือคำพูดที่เยาะเย้ยถากถางเพื่อความสะใจ จึงเป็นแต่เพียงคนที่จิตใจต่ำเท่านั้น ที่ทำได้กับเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งที่ประสบเหตุการณ์รุนแรงเกือบถึงแก่ชีวิตจากการทำงานเพื่อสังคมที่ดีขึ้น
ผู้กองทรงกลดกล้าที่จะทำงานเพื่อสังคมเพียงลำพังในที่ซึ่งเกือบจะไม่มีความปลอดภัยให้กับชีวิตตนเอง ในขณะที่กลุ่มคนที่เยาะเย้ยถากถาง บูลลี่ด้วยคำพูดและภาพ กลับไร้ซึ่งความกล้าแม้แต่จะออกมาแสดงตัวตนที่แท้จริงบนโซเชียลเสียด้วยซ้ำ
ผมขอประณามพฤติกรรมของบุคคลเหล่านี้”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และผู้ต้องหาคดี ม.112 ลี้ภัยในประเทศญี่ปุ่น โพสต์ข้อความระบุว่า
“ให้ทวิตเตอร์นี้เล่าเรื่องเอง”
โดย เป็นทวิตเตอร์ ผู้กองปูเค็ม@pookem ที่ทวีตเอาไว้ว่า “ปล่อยให้เยื่อร้อง “หายใจไม่ออกผ่านมือถือถึง 10 นาที แถลงว่า ทีมอุ้มเป็นมือสมัครเล่น”
ทั้งนี้ เนื่องมาจาก นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือ “ต้าร์” ถูกอุ้มในกัมพูชา และเรื่องนี้ “ปวิน” เป็นหนึ่งในหัวหอก ในการกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของผู้มีอำนาจระดับสูงในเมืองไทย
ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของนายปวิน ได้โพสต์ระบุว่า
“ไม่มีใครสมควรได้รับความรุนแรง แต่ขณะเดียวกัน ถ้าใครไม่ได้รับความรุนแรงก็จะไม่รู้ว่า คนที่ได้รับความรุนแรงมาก่อนรู้สึกอย่างไร เฉกเช่นเดียวกับคนที่พลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนไปเป็นผู้ลี้ภัยที่ต่างประเทศ คุณหัวเราะเยาะเค้า คุณถากถางเค้า แต่ถ้าวันหนึ่งคุณต้องกลายมาเป็นผู้ลี้ภัยเอง แล้วคุณจะรู้ว่า มันโหดร้ายแค่ไหน โพสต์นี้มอบให้แต่คุณปูเค็ม ผู้ที่เหยียดหยัน ไล่ล่าดิชั้น และเรียกร้องให้มีการใช้ความรุนแรงกับดิชั้นมาตลอดค่ะ หายเร็วๆ นะคะ”
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายคน ที่แม้มีความคิดเห็นต่างทางการเมือง และเคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาก่อน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสะใจกับเรื่องนี้ ตรงข้ามยังประณามการทำร้ายกันด้วยความรุนแรงด้วย
นับแต่ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวให้ความเห็น กรณี นายทรงกลด ชื่นชูผล หรือ “ผู้กองปูเค็ม” ถูกทำร้าย หัวข้อ “ผู้กองปูเค็ม”
โดยระบุว่า ผมโดนผู้กองปูเค็มรังควานในทวิตเตอร์อยู่หลายปี เคยถูกขู่ตอนปี 53 ว่าตอนไปผูกผ้าให้ระวังสไนเปอร์บนตึกสูงแถวราชประสงค์ ตอน Talk Show ก็โดนขู่ว่าอาจเกิดไฟใหม้ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว ที่ผมจัดงาน ไม่ต้องบอกว่า ผมไม่ชอบขี้หน้าเขาขนาดไหน
จนวันหนึ่ง ผมได้มีโอกาสไปออกรายการกับจอมขวัญ ที่ Nation TV แล้วผมออกคู่กับผู้กองปูเค็ม ผมจึงเข้าใจความซับซ้อนในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาและการแสดงออกของเขา ผมมั่นใจว่า เขามีอาการป่วย เพราะการตอบสนองช้าและมีอาการลอย ผมมีลูกน้องที่ป่วยแบบนี้ จึงพอจะเข้าใจอยู่บ้าง ทำให้ผมเลิกถือสา และมองเขาเป็นเพียงคนที่อาจพูดจาไม่น่ารับฟังเท่านั้น แต่ในทางกายภาพเขาไม่เคยกระทำสิ่งใดที่เป็นความรุนแรงเลย
งานการเมืองเป็นสิ่งที่เขาจะพอหาที่ยืนและมีคุณค่ากับตัวแกได้บ้าง แม้จะเล่นใหญ่แต่ก็อย่างที่เห็นแม้แต่ฝ่ายเดียวกันก็ไม่ได้ให้การยอมรับมากมายไปกว่าการคอยเชียร์ที่ผู้กองปูเค็มไปไล่ฟัดใคร คือเป็นเรื่องความสะใจล้วนๆ
ทีนี้ผมขอพูดถึงเหตุการณ์ที่แกโดนทำร้ายตอนไปชี้เป้าจับตู้ม้าที่แปดริ้ว ผมคิดว่า แกทำในฐานะพลเมืองดี แกไม่ได้ไปเรียกรับเงิน แต่เพราะมีคนแจ้งและแกคิดว่าตัวเองมีชื่อเสียงพอที่จะไปปราบปรามสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ เพราะแค่ระดับตู้ม้าไม่ใช่บ่อนไม่น่าจะเกินกำลัง แต่ท้ายสุดก็หาเป็นอย่างที่คาดหมายไว้ไม่ แกถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะต้องนอน รพ. ไปอีกนานเท่าไหร่
ผมเข้าใจว่า หลายคนที่ไม่ชอบหน้าแกจะรู้สึกสะใจ แต่ผมอยากสะท้อนอีกมุมหนึ่งในฐานะที่เคยถูกเจ้าตัวข่มขู่รังควานสารพัด ผมคิดว่า เราต้องแยกเรื่องนี้ออกจากกัน และผมขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว และคิดว่าไม่ใช่อะไรที่ยากเย็นเกินไปที่จะหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และขอให้ผู้กองปูเค็มปลอดภัยและหายเร็วๆครับ”
ส่วน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ ระบุว่า “ผมเห็นด้วยกับ @nuling ถึงแม้คุณปูเค็มจะมีจุดยืนทางการเมืองต่างจากเรา แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ภาครัฐเองก็ต้องรับใช้ประชาชนโดยทำหน้าที่นำผู้กระทำมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด วิถีอำนาจนิยมแบบนี้จะต้องสิ้นสุดลงได้แล้ว”
รวมทั้ง นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มประชาชนปลดแอก และทนายความด้านสิทธิมนุษยชน มองว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นกับปูเค็มเป็นอาชญากรรม ตำรวจมีหน้าที่ตามจับคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (17 ก.ย.) ที่อาคารสิริโสธรารักษ์ หอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุชาย ชั้นที่ 4 โรงพยาบาลพุทธโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือ ผู้กองปูเค็ม ซึ่งเข้ารักษาอาการบาดเจ็บจากการถูกกลุ่มบุคคลรุมทำร้าย หลังไปไลฟ์สดการตั้งตู้สล็อตในพื้นที่บริเวณคิวรถตลาดพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า
ขณะนี้เตรียมย้ายไปรักษาอาการบาดเจ็บต่อที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ กรุงเทพฯ
พร้อมกับเล่านาทีก่อนโดนรุมทำร้ายว่า หลังจากที่แยกตัวออกมาจากร้อยเวร จึงทำการปิดการไลฟ์สด แล้วได้ขับรถออกมาได้สักพัก ก็ได้มีรถขับมาปาดหน้า และมีกลุ่มคนนับสิบลงมาจากรถตรงเข้ารุมทำร้ายตน ซึ่งตนพยายามที่จะหลบหนี แต่ถูกรุมตีเตะต่อย และใช้ไม้ตีที่แขนข้างขวาจนหัก บริเวณลำตัว และศีรษะจนน่วมไปหมด ขณะนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว มีแค่เลือดคั่งในตาข้างซ้าย ส่วนสมองมีการ CT Scan แล้ว ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมากแต่อย่างใด
“ผมคาดว่า เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลในวงการตู้สล็อตที่มารุมทำร้ายผม โดยมีการส่งซิกจากกลุ่มบุคคลให้ทราบความเคลื่อนไหวของผมว่า อยู่จุดไหน จังหวัดใด ก่อนติดตามมาทำร้าย โดยผมอยากให้เจ้าหน้าที่ทำการปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างจริงจัง หากปล่อยปะละเลยให้กลุ่มพวกนี้ขึ้นมามีอำนาจจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่หากินอย่างสุจริตอย่างแน่นอน”
แน่นอน, ดูเหมือนสังคมไทยพักหลัง มีเรื่องราวต่อสู้ทางการเมืองกันจนเลยเถิดอย่างมาก โดยเฉพาะที่ติดนิสัย พฤติกรรมก้าวร้าวละเมิดสิทธิของคนอื่นอย่างง่ายดาย โดยไม่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบจากโลกโซเชียล มาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่แต่เฉพาะ คนที่เห็นต่าง หรืออยู่คนละฝ่าย หากแต่เป็นสังคมไทย
รวมถึง การ “ล่าแม่มด” หรือ “บูลลี่” ฝ่ายตรงข้าม โดยไม่มีกาลเทศะ ไม่เลือกว่า อยู่ในช่วงที่ต้องแสดงความเสียใจ เห็นใจ หรือ เป็นกำลังใจ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะมนุษย์พันธุ์ไทยด้วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ประเด็นก็คือ ไม่มีการแยกแยะ อะไรคือ การเมือง อะไรคือ สังคม อะไรคือ ส่วนตัว อะไรคือ มารยาท ขึ้นชื่อว่า ต้องต่อสู้ก็จะต้องเอาให้ชนะ เอาให้ตายไปข้างหรือไม่ นี่คือ คำถามข้อใหญ่ ซึ่งถ้าคนไทยจะอยู่ด้วยกันได้ด้วยดี สิ่งที่ต้องแยกแยะเหล่านี้ ไม่อาจมองข้าม เพราะอย่าลืม หลังฝ่ายหนึ่งได้ชัยชนะ ก็จะต้องอยู่ร่วมกับอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ได้หนีไหน แล้วจะอยู่กันอย่างไร นี่คือ ข้อคิดที่ว่า ทำไมต้องเอาเป็นเอาตายกัน เพื่ออะไร ใครได้ประโยชน์ลองคิดดู!