ข่าวปนคน คนปนข่าว
**อาลัย “แม่บิ๊กป้อม” สายสนี วงษ์สุวรรณ “แม่ผู้สร้าง” ของลูกชายทั้ง 5
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และอาลัยยิ่งต่อการจากไปของ “นางสายสนี วงษ์สุวรรณ” มารดาของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
“แม่บิ๊กป้อม” หรือคนในครอบครัวจะเรียกกันว่า “คุณย่า” ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบในวัย 98 ปี ด้วยโรคไตและโรคชรา ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อช่วงเวลา ประมาณ 23.00 น. วันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร ศาลา 5 เป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-16 ก.ย. และพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ในวันที่ 10 ก.ย. จากนั้นจะบรรจุศพเป็นเวลา 100 วัน ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงต่อไป
นางสายสนี สมรสกับ พล.ต.ประเสริฐ วงษ์สุวรรณ มีบุตรชายด้วยกัน 5 คน โดย “พล.อ.ประวิตร” เป็นลูกชายคนโต พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ, นายพงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ และ นายพันธุ์พงษ์ วงษ์สุวรรณ ตามลำดับ
ว่ากันว่า เมื่อ “พล.ต.ประเสริฐ” ผู้เป็นสามี และบิดาของบิ๊กป้อม ถึงแก่กรรม เมื่อปี 2527 นางสายสนี ผู้เป็นมารดาได้เลี้ยงดูลูกชายทั้ง 5 มาเป็นอย่างดี แต่ละคนต่างเติบโตในเส้นทางของตนเอง เป็น “นายพล” รับราชการ 3 คน ใน 3 เหล่าทัพ ก้าวเดินจนถึงจุดสูงสุด อาทิ “บิ๊กป้อม” ลูกชายคนโต เติบโตขึ้นมาในกองทัพบกเป็นผู้บัญชาการทหารบก ก่อนจะกลายมาเป็น “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ของพี่น้อง 3 ป. ในเวลาต่อมา และ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” (ป๊อด) ก็เคยขึ้นดำรงตำแหน่ง เป็น ผบ.ตร. ขณะที่คนที่ไม่ได้รับราชการ “นายพงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ” หรือ “โค้ชก๊อก” (เสียชีวิตแล้ว) ก็ถูกบันทึกไว้ในตำนานวงการฟุตบอล ในฐานะอดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลทีโอที ที่มากฝีมือ
กล่าวได้ว่า นางสายสนี เป็นผู้หญิงแกร่ง “แม่ผู้สร้าง” ของลูกชายทั้ง 5 ก็ว่าได้ และเป็นที่ทราบกันดีในหมู่คนใกล้ชิดว่า “บิ๊กป้อมและน้องๆ” ต่างมีความรักและผูกพันกับผู้เป็นแม่อย่างมาก โดยเฉพาะ “พล.อ.ประวิตร” แม้จะเติบโตเป็นพี่ใหญ่ในกองทัพ แต่เกือบจะทุกวัน “บิ๊กป้อม” จะต้องใช้เวลากับมารดาทานอาหารเช้า หรือทำกิจกรรมภายในครอบครัววงษ์สุวรรณ กับน้องๆ และช่วงที่แม่นอนป่วยที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ “พล.อ.ประวิตร” ก็จะไปเยี่ยมเกือบทุกวัน
การจากไปของผู้เป็นมารดาครั้งนี้ นับเป็นความสูญเสียของครอบครัววงษ์สุวรรณ และเป็นช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าและอาลัยของ พล.อ.ประวิตร อย่างแท้จริง
โอกาสนี้ก็ต้องขอแสดงความเสียใจมายัง พล.อ.ประวิตรและครอบครัว อีกครั้ง.
** เปิดตัว ว่าที่ผู้นำเหล่าทัพคนใหม่ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ สายตรง “บิ๊กแดง” นั่ง ผบ.ทบ. “บิ๊กอุ้ย” พล.ร.อ.ชาติชาย คุมทัพเรือ สานต่อโครงการเรือดำน้ำ “บิ๊กแอร์” พล.อ.อ.แอร์บูล คุมทัพฟ้ากับภารกิจพัฒนาเครื่องบินรบฝูงใหม่
การโยกย้ายนายทหารประจำปีนี้ ลงตัวเรียบร้อยแล้ว โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในบัญชีรายชื่อโยกย้าย ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งตำแหน่งหลักก็เป็นไปตามผู้บัญชาการเหล่าทัพได้เสนอขึ้นมา
กองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) “พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์” เสนาธิการทหารบก เป็น รอง ผบ.ทบ. “พล.ท.พรศักดิ์ พูนสวัสดิ์” แม่ทัพภาคที่ 4 เป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. “พล.ท.ธรรมนูญ วิถี” แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. “พล.ท.วรเกียรติ รัตนานนท์” รองเสนาธิการทหารบก เป็น เสนาธิการทหารบก และ “พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์” แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1
กองทัพเรือ “พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน” ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทหารเรือ
กองทัพอากาศ “พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ” ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพอากาศ เป็น ผู้บัญชาการทหารอากาศ
สำหรับ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ที่ขึ้นนั่ง ผบ.ทบ.นั้น เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 22 นักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 33 เข้ารับราชการ ในกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.) จ.ปราจีนบุรี ตำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 พัน 2 รอ.) ถือว่าเป็น “สายเลือดบูรพาพยัคฆ์” คนหนึ่ง ต่อมาย้ายไปสังกัด กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (รอง ผบ.ร.31 รอ.) กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ( พล.1 รอ.) จ.ลพบุรี ในตำแหน่ง รอง ผบ.ร.31 รอ.- ผบ.ร.31 รอ. ซึ่งถือว่าเป็นสาย “หมวกแดง” และเมื่อมีโอกาสได้ทำงานใกล้ชิด ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ และได้รับแต่งตั้งให้ ฝ่ายเสนาธิการ ประจำกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ( พล.1 รอ.) ในตำแหน่ง รองผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และ ผบ.พล.1 รอ. จึงถือว่าครบเครื่อง มีสายเลือดทั้ง “บูรพาพยัคฆ์-หมวกแดง-วงศ์เทวัญ”
เมื่อ “บิ๊กบี้” ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. ก็ถูกวางตัวให้เป็นทายาท “บิ๊กแดง” เป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ. มาตั้งแต่ต้น ดังนั้นการที่ “บิ๊กบี้” ขึ้นนั่ง ผบ.ทบ.ครั้งนี้ จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย
ส่วนตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ ก่อนหน้านี้มี แคนดิเดต 3 คน คือ “พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ” รองผู้บัญชาการทหารเรือ, “พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน” ผู้ช่วย ผู้บัญชาการทหารเรือ และ “พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม” เสนาธิการทหารเรือ ซึ่งในที่สุดแล้ว ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เสนอชื่อ “พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน” และได้รับการสนับสนุนจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
“พล.ร.อ.ชาติชาย” นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 20 เคยผ่านตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้บังคับการเรือ ต.14, ผู้บังคับการเรือหลวงท้ายเมือง, นายธงผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ, นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บัญชาการทหารเรือ, ผู้ช่วยทูตทหารเรือ ประจำกรุงมาดริด ณ ราชอาณาจักรสเปน, เสนาธิการฐานทัพเรือสัตหีบ, รองเสนาธิการทหารเรือ, เสนาธิการทหารเรือ และผู้ช่วย ผู้บัญชาการทหารเรือ
การขึ้นนั่ง “ผู้บัญชาการทหารเรือ” ครั้งนี้ นอกจากพัฒนากิจการทหารเรือแล้ว ภารกิจสำคัญที่ได้รับมอบหมายเป็นพิเศษคือ สานต่อ “โครงการเรือดำน้ำ”
สำหรับกองทัพอากาศ ก่อนหน้านี้ มีคู่แคนดิเดตที่จะขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ คือ “พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี” ผู้ช่วย ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ “พล.อ.อ.สุทธิพันธุ์ ต่ายทอง” เสนาธิการทหารอากาศ แต่สุดท้าย “พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์” ผู้บัญชาการทหารอากาศ คนปัจจุบัน ก็เสนอชื่อ “พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ” ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพอากาศ ซึ่งถือว่าอยู่นอกสาย “5 เสือ ทอ.” ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ
“บิ๊กแอร์” พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 21 อดีต นักบิน ซี-130 อดีตผู้บัญชาการฝูงบิน 601 ผู้การกองบิน 6 ดอนเมือง เคยรับผิดชอบเครื่องบินลำเลียง “พระที่นั่ง” และยังเป็นผู้ช่วยทูตทหารอากาศ ประจำสิงคโปร์ ภารกิจครั้งนี้เพื่อมาพัฒนากองทัพ รองรับโครงการในการพัฒนาเครื่องบินรบฝูงใหมทดแทน ตามแผนของกองทัพอากาศ
ส่วนชื่อแปลกๆ “แอร์บูล” นั้นมีที่มาจากการที่บิดา ซึ่งเป็นนักบินกองทัพอากาศ เคยฝึกร่วมกับ หน่วยบิน Airbull ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งคล้ายกับการฝึก “คอบร้าโกลด์” ในปัจจุบัน ด้วยความประทับใจ จึงนำชื่อ “แอร์บูล” มาตั้งเป็นชื่อลูกชาย...และวันนี้ลูกชายชื่อเก๋ๆ คนนี้กำลังจะขึ้นเป็นผู้บัญชาการทัพฟ้า !!