“สุภรณ์” ตอกกลับ “อนุดิษฐ์” มั่นใจรัฐบาล “ประยุทธ์” ทำงานหนักกว่าสมัย รบ.เพื่อไทย เหตุผลตื้นๆ ให้นายกฯลาออก เพราะเพื่อไทยยากกลับมามีอำนาจรัฐ ออก พ.ร.บ.สุดซอย ช่วยคนแดนไกลกลับบ้าน
วันนี้ (9 ก.ย.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อ ครม.ในเรื่องวิกฤตทางเศรษฐกิจ และวิกฤตทางการเมือง ของ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ที่ขอให้นายกฯลาออก ว่า ที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะฝ่ายค้านไม่เคยสนใจในการแก้ไขปัญหาประเทศเลย จึงไม่รู้ว่านายกฯและรัฐบาลได้ทำงานอย่างหนักในการดูแลประชาชนและการแก้ไขปัญหาประเทศ การลาออกไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหา แต่เป็นการหนีปัญหา ไม่ใช่ลักษณะนิสัยลูกผู้ชายที่รับผิดชอบต่อประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนอย่างนายกฯที่ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“การให้นายกฯลาออก เป็นเหตุผลตื้นๆ ที่พรรคเพื่อไทย อยากมีอำนาจรัฐและจะได้ออก พ.ร.บ.นิรโทษสุดซอย ให้นายใหญ่และคนแดนไกลกลับประเทศมากกว่า ผมคิดว่าเป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่
นายสุภรณ์ กล่าวต่อว่า “ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 นายกฯและรัฐบาลทำให้สถานการณ์ในประเทศคลี่คลาย จึงมั่นใจว่ารัฐบาลนี้ได้ทำงานหนักกว่ารัฐบาลของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน พร้อมย้ำถึงความจำเป็นในการกู้เงินของรัฐบาลนี้ เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในขณะนี้ ซึ่งมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยเข้าใจสถานการณ์นี้ดี
ส่วนที่ น.อ.อนุดิษฐ์ บอกว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากความไม่ชอบธรรมในการเข้าสู่อำนาจ และจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่เป็นไปเพื่อการสืบทอดอำนาจ จึงเกิดการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา นายสุภรณ์ ยืนยันว่านายกฯ เข้ามาบริหารประเทศอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความเห็นชอบผ่านการทำประชามติ พร้อมกันนี้ นายกฯยังไม่ขัดข้องหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมา นายกฯได้สั่งการให้รับฟังและรับข้อเสนอต่างๆ จากกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม ทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษาแล้ว มีการเปิดเวทีต่างๆ ให้นิสิต นักศึกษา เข้ามาพูดคุยกันเพื่อหาทางออก แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร จึงตั้งข้อสังเกตว่า แท้จริงแล้ว นิสิต นักศึกษา ต้องการสิ่งใดกันแน่ เพราะรัฐบาลพร้อมพูดคุยทุกเรื่องอย่างมีเหตุมีผลอยู่แล้ว
และที่บอกว่า ให้เลิกหมายจับเยาวชนที่เสนอข้อเรียกร้อง นายสุภรณ์ ระบุว่า หากมีการเคลื่อนไหวที่มีความบริสุทธิ์ใจจริง ไม่ทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็คงไม่ดำเนินคดีอะไร ซึ่งต้องระมัดระวังและได้เตือนตลอดมา นายกฯไม่เคยห้ามการชุมนุม แต่ขออย่าทำความเดือดร้อนให้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ”
