รมว.สธ.ย้ำต้องการ์ดสูงเฝ้าระวังชายแดน ขอ ปชช.อย่าเห็นแก่อามิสสินจ้างช่วยพวกลอบเข้าเมือง ติดเชื้อไม่คุ้ม เสียหายมหาศาล แย้มถกทบทวนเปิดผับ ขออย่าดื่มกินอะไรด้วยกัน จี้ผู้ว่าฯ กทม.ทบทวนมาตรการอย่าวัวหายล้อมคอก ย้ำล็อกดาวน์ไม่ใช่ทางออก
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีมีความกังวลถึงการระบาดของโควิด-19 รอบสอง จำเป็นต้องทำความเข้าใจอะไรเป็นพิเศษกับประชาชนหรือไม่ ว่า เราต้องเข้าใจโรคโควิด-19 ว่าวิธีการป้องกันง่ายที่สุดคือการสวมหน้ากากอนามัย และทำให้การแพร่เชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ ลดลงไปด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ส่วนเรื่องโควิด-18 แม้วันนี้ยังไม่มีวัคซีนแต่กระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมในการควบคุมโรค เฝ้าระวังและรักษา ถ้ามีการติดเชื้อก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลจนไม่ทำอะไรเลย เราต้องก้าวไปข้างหน้า และประเทศไทยมีพรมแดนยาวก็ต้องเฝ้าระวังอย่าให้มีการลักลอบเข้าเมือง โดยทุกวันนี้มี อสม.คอยสอดส่องดูแลแต่เราต้องการ์ดสูงไว้ โดยเฉพาะการเฝ้าระวังตามด่านชายแดน เพราะอย่าลืมว่าคนต่างชาติที่เข้ามาต้องถูกกักกัน 14 วัน สิ่งที่ต้องระวังคือการลักลอบเข้าเมือง ซึ่งฝ่ายความมั่นคงทำเต็มที่ ขอร้องประชาชนอย่าไปอำนวยความสะดวกพวกลักลอบเข้าเมืองอย่างเด็ดขาด หากติดเชื้อกับคนกลุ่มนี้จะอยู่ในหมู่บ้านได้อย่างไรไม่คุ้ม และที่สำคัญยังเป็นการทำร้ายประเทศแล้ว ยังมีความผิดทางอาญาด้วย อย่าเห็นแก่อามิสสินจ้างเพียงน้อยนิดเพราะจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล
เมื่อถามว่า จากการตรวจสอบขณะทราบหรือยังว่าผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 ติดจากที่ใด นายอนุทินกล่าวว่า “เขาทำงานตรงนั้น ต่างชาติเยอะแยะไปหมด แต่ต้องดุว่าเมื่อเขาติดแล้ว เราเจอเขาหรือไม่ เมื่อเจอเราก็รีบไปควบคุม และสวบสวนโรคไป 500-600 คนที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งไม่มีการแพร่เชื้อ และอีก 5-7 วัน ก็ต้องตรวจเชื้อเพื่อสร้างความมั่นใจอีก ส่วน ศบค.จะต้องทบทวนการเปิดสถานบันเทิงหรือไม่ คงจะต้องมีการพูดกัน พวกดื่มสาบานแก้วเดียวกัน กรีดเลือดกัน ตอนนี้ต้องไม่มี ยังไม่ต้องเป็นเพื่อนกรีดเลือดกัน เราเป็นเพื่อนกันด้วยจิตใจด้วยมิตรภาพดีกว่า ไม่ต้องกินอะไรด้วยกัน ซึ่ง ศบค.จะมีการประชุมกันเรื่อยๆ วันนี้มีผู้ว่าฯ หลายจังหวัดออกประกาศเพิ่มเติมเรื่องผับบาร์ และมีการปิดบางแห่งที่ไม่ปฏิบัติการกฎระเบียบ ซึ่งเป็นปลายเหตุ ต้นเหตุคือวินัยของเราที่อุตส่าห์สู้กันมา 9 เดือน วันนี้ประเทศไทยไม่มีการติดเชื้อกันภายใน เพราะไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศและสัมผัสกับคนต่างประเทศ แต่เราก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยและควรทำเช่นนี้ต่อไปจนกว่าจะมีวัคซีน ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.ก็ควรต้องทบทวนมาตรการตรงนี้ อย่าให้วัวหายแล้วล้อมคอก”
เมื่อถามว่า ถ้าจะมีการเปิดผับบาร์ต่อจะมีมาตรการอะไรที่เข้มข้นขึ้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราจะพยายาม และที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ก็เพื่อประชาชนไม่เดือดร้อนมีการจ้างงาน แต่ขอให้ดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยอย่างรัดกุม การจะมีอะไรนิดเดียวแล้วล็อกดาวน์ไม่ใช่ทางออก เราต้องสู้กับเชื้อโรคโควิด-19 โดยไม่ต้องล็อกดาวน์หรือไปจำกัดเสรีภาพ