“อำมหิต!” ไปมั้ย? “อัษฎางค์” เป็นงง ฝ่ายเรียกตัวเอง “ปชต.” เล่นสกปรกเสียเอง “ล่าแม่มด” คนเห็นต่าง คุกคามผู้อื่น ขณะ “หมอเหรียญทอง” ส่งกำลังใจให้ “ม้า อรนภา” พร้อมหยาม “ยุทธวิธีขบวนการจัญไร” ธรรมดาๆ ไม่เป็นผล
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (27 ส.ค. 63) เฟซบุ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค ของ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความระบุว่า
“แบบนี้เรียกว่า ...
• การเรียกร้องประชาธิปไตย ใช่มั้ย?
• เป็นการแสดงความเห็นต่าง ใช่มั้ย ?
• นี่คือการกระทำของคนรุ่นใหม่ ใช่มั้ย ?
แต่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ เรียกมันว่า เป็น...
• การคุกคาม
• การใช้เด็กเป็นเครื่องมือ
ผู้ที่สนับสนุนคนกลุ่มนี้ กลุ่มส้มแดง
ก็คงเป็นเหมือนกัน คือ ปากบอกว่าเรียกร้องประชาธิปไตย แต่จิตใจโสมม คุกคามจิตใจผู้อื่น โดยเฉพาะเด็กๆ
คุกคามลูกหลานไทยด้วยกันทำไม
ทำไมพวกคุณอำมหิตขนาดนี้”
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เฟซบุ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค ก็โพสต์ข้อความระบุว่า
“ได้ยินคนเค้าเมาท์กันเรื่องการเมือง
คนแรก :
แกอย่าโพสต์เรื่องการเมืองเชียว ดูม้าซิ โดนลากไปด่า ด่าไปถึงแม่ ขนาดเหมี่ยว ไม่ได้พูดอะไรเลย แค่ทำงานคู่กับม้า ยังโดนไปด้วย
คนที่สอง :
เป็นผู้ใหญ่ต้องหัดฟังเด็กมันพูดบ้าง อย่าเอะอะก็ด่ามันว่าชังชาติ มันชังชาติยังไง เด็กมันแค่เห็นต่าง หัดยอมรับความเห็นต่างบ้าง
............................................................................
ผม :
นั่งอยู่ใกล้ๆ นั่นแหละ แต่ไม่ได้พูดอะไร แค่คิดในใจว่า ที่พี่ม้ากับพี่เหมี่ยวโดนเด็กๆ ลากไปด่านั้น เค้าเรียกว่า เป็นการแสดงความเห็นต่างของเด็กๆ หรือ?
ประชาธิปไตย คือ คนที่เห็นต่าง ต้องถูกคุกคาม อย่างนั้นหรือ?
ทำไมสรุปว่า ผู้ใหญ่ไม่ยอมรับความเห็นต่างของเด็กๆ ทั้งๆ ที่เด็กรึเปล่า ที่ไม่เคยยอมรับความเห็นที่ต่างจากตัวเอง
ทำไมคนที่สอง พูดฟังดูดีจัง พูดนำแบบนี้ เด็กก็ก๊อปไปพูดต่อว่า เด็กแค่คิดต่าง
ไอ้คนแบบคนที่สองนี้มีอยู่เยอะเสียด้วย
............................................................................
เรียกร้องให้ผู้อื่นยอมรับฟังความเห็นของตน
ก็อย่าลืมยอมรับฟังคนอื่นด้วย
มันถึงเรียกว่า สังคมประชาธิปไตย
ไม่ชอบให้ใครมาว่า ด้วยคำหยาบ
ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ว่าคนอื่น ด้วยคำหยาบเสมอ
ถ้าไม่ชอบคำหยาบ ก็อย่าพูดคำหยาบ
คุณเห็นต่างได้ พี่ม้าหรือใครก็ควรเห็นต่างได้
คุณพูดหรือโพสต์คำหยาบได้ พี่ม้าหรือใครก็ทำได้เหมือนกัน”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก เหรียญทอง แน่นหนา ของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ โพสต์ข้อความระบุว่า
“ผมขอให้กำลังใจคุณม้า-อรนภา กฤษฎี คุณเกลือ-กิตติ เชี่ยววงศ์กุล และศิลปินอีกหลายๆ ท่าน ตลอดจนท่านทั้งหลายที่กำลังประสบปัญหาจากการก่อกวนจากขบวนการจัญไรอยู่ในขณะนี้
ผมขอเรียนว่า ยุทธวิธีก่อกวนจากขบวนการจัญไรตามที่ปรากฏนั้น ถือเป็นยุทธวิธีธรรมดาๆ ที่ไม่สามารถบั่นทอนขวัญของกำลังพลฝ่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ ดูตัวอย่างเช่น การตอบโต้ของคุณเกลือ ที่แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ยี่หระต่อการเสียดสีก่อกวนเลยแม้แต่น้อย นั่นหมายความว่า จิตไม่ตก ขวัญไม่ฝ่อ เป็นต้น
ส่วนกรณีคุณอรนภานั้น ผมกลับรู้สึกว่า คุณอรนภาโพสต์ได้สะใจ ถูกใจกำลังพลฝ่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เสียด้วยซ้ำ บางครั้งการโต้ตอบมันก็ต้องถึงลูกถึงคนอย่างนี้แหละครับ จะให้ศิลปินต้องรักษาภาพลักษณ์สุภาพโลกสวยนั้น มันไม่ใช่ หยาบคายบ้าง มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ปุถุชนที่มีรัก โลภ โกรธ หลง
ผมกลับชอบใจโพสต์ของคุณอรนภาเสียด้วยซ้ำ หากมีสิ่งใดที่ผมจะสามารถทำได้ ผมจะทำให้ครับ...วันนี้ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ”
แน่นอน, นี่ไม่ใช่กรณีแรกๆ หรือครั้งแรกๆ ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางการต่อสู้ทางการเมืองของ “สองขั้ว” แต่ถ้าสังเกตให้ดี พักหลังมันไม่ใช่แค่ “ล่าแม่มด” ธรรมดา หากแต่มันเข้าข่าย “ซอมบี” ที่ติดเชื้อเหมือนหนังฝรั่ง แล้วก็ไล่ล่าผู้คนที่ไม่ได้ติดเชื้อเหมือนพวกมัน ราวกับว่า ต้องการให้คนทั้งประเทศเป็นพวกไปหมด ใครไม่เป็นพวกก็อยู่ไม่ได้ ต้องหลบลี้ให้ดี อยู่ลำบากอะไรประมาณนั้น
จึงนับว่า โพสต์ของ นายอัษฎางค์ และ พล.ต.นพ.เหรียญทอง สะท้อนเรื่องนี้ได้อย่างเห็นภาพในสิ่งที่เกิดขึ้น และปลุกสำนึก ทั้งคนที่กระทำให้ได้คิด และคนที่ถูกกระทำให้มีกำลังใจที่จะยืนหยัดบนจุดยืนและแนวทางที่ตนเห็นว่าถูกต้อง
เห็นแต่ “ผู้ร้าย” ล่าแม่มด ฝ่ายพระเอก-นางเอก เพิ่งรู้ว่า ฝ่ายเรียกตัวเองว่า เป็น “ประชาธิปไตย” เหนือคนทั่วบ้านทั่วเมืองเขา จะทำตัวเป็น “ผู้ร้าย” ให้เขาว่าได้ คิดดูให้ดีเถิด