“รองฯ ประวิตร” เน้นย้ำให้ควบคุมตรวจสอบการเข้าออกท่าเทียบเรือของเรือประมง ตรวจสอบแรงงานในภาคประมง พร้อมกำชับแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเกษตรกรให้เกิดประสิทธิภาพ เร่งรัดแก้ไขปัญหาให้รวดเร็วไม่ให้ล่าช้า ตั้ง “แรมโบ้” ควบโฆษก กก.สร้างความรับรู้
เมื่อวันที่ 4 ส.ค.63 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการตรวจติดตามการปฏิบัติงานของศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออก (PIPO) และการตรวจสอบแรงงานในภาคประมง รวมไปถึงการปราบปรามการค้ามนุษย์ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า ได้เน้นย้ำการปฏิบัติเกี่ยวกับการควบคุม ตรวจสอบการเข้าออกท่าเทียบเรือของเรือประมง การตรวจสอบแรงงานในภาคประมง การสร้างการรับรู้และขอความร่วมมือชาวประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาล โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ใช้กลไกการทำงานของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัด (ศรชล.) ตั้งคณะทำงานเพื่อสนับสนุนภารกิจในการตรวจสอบประวัติเรือและเจ้าของเรือ
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้รายงานต่อที่ประชุม ครม.ว่าถึงการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) และสภาประชาชน 4 ภาคด้วยว่า ได้พิจารณาปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรตามข้อเรียกร้อง จำนวน 5 ประเด็น ได้แก่ ปัญหาที่ดินและป่าไม้, ปัญหาหนี้สิน , ปัญหาแหล่งน้ำ, ปัญหาการพัฒนาอาชีพ และปัญหาผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย โดยได้กำชับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรให้เกิดประสิทธิภาพ เร่งรัดให้มีการแก้ไขปัญหาให้รวดเร็วไม่ให้ล่าช้า รวมทั้งมอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะอนุกรรมการที่จะตั้งขึ้นกำหนดไทม์ไลน์เร่งรัดการแก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกรให้ชัดเจนและเร็วที่สุด ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองประธานคณะกรรมการฯ เป็นโฆษกของคณะกรรมการเพื่อแจ้งความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาและสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรเกิดความเข้าใจถึงการมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร และกลุ่มเกษตรกร จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาชุมนุม ร้องเรียนปัญหาเดิมๆ ที่เคยเรียกร้องไว้แล้วแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข.