xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยะ” VS “ไพรินทร์” ใครว่าการพลังงาน ประชาชนก็ “หนีเสือปะจรเข้” **ว่าด้วยนักโทษ Super VIP กับรัฐมนตรียุติธรรม จากสัมพันธ์นายใหญ่-เจ๊แดง-สมศักดิ์ มาถึงอภิสิทธิ์ ของ “เต้น”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว


** “สุริยะ” VS “ไพรินทร์” ใครว่าการพลังงาน ประชาชนก็ “หนีเสือปะจรเข้” เบื้องหลัง “ประสาร” เซย์โน สยองภาพเสร็จนาฆ่าโคถึกกับ “ปรีดี” ที่มาแบบจำใจ


เรื่องปรับ ครม. เพื่อไปสู่รัฐบาลประยุทธ์ 2/2 มีเค้าลางว่า งานนี้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้มีแค่แรงกดดันจากพรรคการเมือง นักการเมืองน้ำเน่า เปิดศึกแย่งชามข้าวกันนัว หากมีแรงกดดันจากสังคมโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ไปด้วย

เห็นได้จาก “ซูเปอร์โพล” เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “เสียงคนรุ่นใหม่ต่อการปรับ ครม.” เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของคนรุ่นใหม่ว่า คนที่จะมาแทนรัฐมนตรี “กลุ่มสี่กุมาร” ไม่มีประวัติด่างพร้อย เป็นคนดี พบว่า ส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 86.9 ไม่เชื่อมั่น ในขณะที่ ร้อยละ13.1 เชื่อมั่น และเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของคนรุ่นใหม่ ว่า คนที่จะมาแทนรัฐมนตรีกลุ่มสี่กุมาร เสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองไม่กอบโกยผลประโยชน์ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 87.7 ไม่เชื่อมั่น

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของคนรุ่นใหม่ว่า คนที่จะมาแทนรัฐมนตรีกลุ่มสี่กุมาร จะได้รับการปกป้องจาก สุภาพชน คนให้เกียรติกัน ไม่ถูกทรยศ หักหลัง ไม่เสร็จนาฆ่าโคถึก พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 85.1 ไม่เชื่อมั่น

นอกจากนี้ ที่น่าเป็นห่วงคือ มุมมองของคนรุ่นใหม่ต่ออนาคตของประเทศชาติ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 87.0 ระบุ มีความเหลื่อมล้ำ คนจน จนมากขึ้น รองลงมาคือ ร้อยละ 78.5 ระบุ เด็กและเยาวชนไม่มีพื้นที่ที่แสดงออกในเวลาที่ไม่เห็นด้วยกับผู้ใหญ่ ร้อยละ 75.5 ระบุ ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชนน้อย เอาความอยู่รอดของตัวเองและพรรคพวกเป็นใหญ่ ร้อยละ 74.9 ระบุ ผู้ใหญ่หลงตัวเองคิดว่า ตัวเองดี ตัวเองเก่ง มากกว่าเด็ก และ ร้อยละ 74.5 ระบุ ใช้อำนาจควบคุมมากกว่า ใช้อำนาจให้เกิดความไว้วางใจ

นี่คือโพล ซึ่งยังไม่นับกลุ่มคนเรียกว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอกเพื่อต่อต้านเผด็จการ และ สหภาพนิสิตนักศึกษาและนักเรียนแห่งประเทศไทย (สนท.) ที่เคลื่อนไหวออกมาไล่รัฐบาล เรียกร้องยุบสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ไม่รู้จะพัฒนาไปทางไหน

เรียกว่า “ลุงตู่” กับ “คนรุ่นใหม่” ยิ่งนับวันยิ่งไกลห่างออกไปทุกที

ไพรินทร์ ชูโชติถาวร - สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ส่วนศึกใน พปชร. ความคืบหน้าว่า วันที่ 21 ก.ค.นี้ โผรายชื่อรัฐมนตรี จะส่งให้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพิจารณา เพื่อนำส่ง"ลุงตู่"ทำคลอด “ประยุทธ์ 2/2”

ฟังว่า ตำแหน่งที่ว่างลงจากการลาออกของกลุ่มสี่กุมาร ดูเหมือนลุงตู่จะวางตัวคนของตัวเองเป็นโควตากลางลงตัวไปก่อนนี้แล้ว อย่างเช่น “ปรีดี ดาวฉาย” ประธานสมาคมธนาคารไทย จากค่ายกสิกรไทย ที่ตอบรับเรียบร้อยจะมานั่ง คลัง และ “ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” อดีต รมช.คมนาคม และ ซีอีโอ ปตท. จะว่าการกระทรวงพลังงาน คงเหลือตำแหน่งรัฐมนตรีอุดมศึกษาฯ ที่ต่อรองกันขอสลับโควตากับพรรคลุงกำนัน เพื่อให้ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ได้เป็นรัฐมนตรีแรงงาน

ดูๆ ไปเหมือนสองลุง “ลุงตู่-ลุงป้อม” จะไม่ต้องกุมขมับ ขยับอะไรกันมากกว่านี้ แต่ได้ชื่อว่า นักการเมืองเขี้ยวลากดิน ไม่ถึงนาทีสุดท้ายจริงๆ ย่อมต่อรองให้ถึงที่สุด เรื่องมันก็เลยจะยุ่งขึ้นมาอีกรอบ

แว่วว่า “กลุ่มสองมิตร” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม กำลังท้าทายสองลุงผู้ยิ่งใหญ่อย่างหนัก นอกจากปล่อยลิ่วล้อ มาขู่ฟ่อ ย้ำคำเดิมว่า เก้าอี้พลังงานต้องโควตา พปชร. เท่านั้น และเป็นใครไม่ได้นอกจาก “สุริยะ” เพราะมี “สัญญาใจ” กับลุงป้อมไว้แล้ว

ว่ากันว่า สัญญาใจระหว่างสองมิตร กับลุงป้อม เกิดขึ้นช่วงก่อนลุงป้อมจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยสองมิตรหักกับหนึ่งมิตร ก่อการล้างพรรคเพื่อลุงนั่นเอง

เมื่อทุกอย่างสมประสงค์ ลุงตู่-ลุงป้อม ก็วัดใจกันว่าจะตอบแทนกันอย่างไร

ฟังว่า กลุ่มนี้ก็เสนอทางออกให้ลุงเสร็จสรรพ ขจัด “ไพรินทร์” ออกจากเส้นทางว่าที่ รมว.พลังงาน ขยับขึ้นไปเป็นรองนายกฯ เพราะตอนนี้ไหนๆ ก็หาคนมาแทนที่ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ไม่มีใครตอบรับสักที สุดท้ายตามแผนเปิดทางให้ลูกพี่ได้ดั่งใจ ตามที่ผู้ใหญ่ให้สัญญาใจ แถมพ่วง “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย คนในก๊วน ยังจะได้ครอบครองเก้าอี้ รมว.อุตสาหกรรม ที่สุริยะ อัปเกรดไปที่พลังงาน อีกต่างหาก

ที่น่าสนใจ ไม่ว่าหวยจะออกที่ “ไพรินทร์” หรือ “สุริยะ” งานนี้บอกไว้ล่วงหน้าเลยว่า ชาวบ้านชาวช่องได้ “หนีเสือปะจระเข้” กันแน่

ประสาร ไตรรัตน์วรกุล  - ปรีดี ดาวฉาย
ว่ากันว่า “ไพรินทร์” อดีตซีอีโอ ปตท. รอบนี้หมายมั่นปั้นมือจะคุมพลังงานอยู่แล้ว ที่ผ่านมานั้น คนใน ปตท.รู้กันดี ในองค์กรแบ่งฝักแบ่งฝ่าย จากอดีตผู้ใหญ่สองฝ่าย พยายามสร้างฐานอำนาจของตัวเองครอบงำองค์กรไว้ วางทายาทของตัวเองขึ้นมาคุมบังเหียน สืบทอดต่อๆ กันมา ไพรินทร์ เมื่อพ้นจากปตท.ไปแล้ว ก็พยายามจะหาทางกลับเข้ามาในอำนาจ โดยมีช่วงหนึ่งที่มีกระแสจะกลับเข้ามาเป็นประธานบอร์ด แต่ถูก “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีต รมว. ที่เพิ่งลาออกไปคัดค้านไว้

ขณะที่ความซึ่งเคยเป็นผู้บริหาร ปตท. กิจการผูกขาดด้านพลังงานก็น่าเป็นห่วงเรื่องการบริหารจัดการพลังงาน ของประเทศที่จะเอื้อทุนใหญ่มากกว่าการดูแลให้เกิดประโยชน์กับภาคประชาชน แตกต่างจาก 1 ปีที่ผ่านมาซึ่ง กระทรวงนี้กลายเป็นหัวใจหลักในการลดค่าครองชีพด้านพลังงานให้ประชาชน ทั้งก๊าช น้ำมัน รวมไปถึงค่าไฟฟ้า และการวางรากฐาน โรงไฟฟ้าชุมชน โซลาร์รูฟท็อป ที่ประชาชน วิสาหกิจชุมชน จะสัมผัสกับการมีส่วนร่วมพัฒนาพลังงาน

ส่วน “สุริยะ” หากได้เป็น รมว.พลังงาน ก็เชื่อขนมกินได้ล่วงหน้าว่า Energy for all หรือ พลังงานเพื่อทุกคน คงต้องเก็บเข้าลิ้นชัก อาจจะได้ “พลังงานเพื่อพวกพ้อง” มาแทน แต่ก็ใช่ว่า นายทุนที่รู้จักสุริยะ จะดีใจเพราะ รู้กันว่า สุริยะ จัดว่าเป็นพวก "มือหนัก" กิตติศัพท์เป็นที่เลื่องลือระบือไกลมานาน

ส่วนตำแหน่งรองนายกฯ คนที่จะมาแทน สมคิด ที่ไม่มาตามนัด ก็ว่ากันว่า “ลุงตู่” ส่งเทียบเชิญ “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” อดีตเลขา ก.ล.ต. ผู้บริหารแบงก์กสิกร พยายามเกลี้ยกล่อมอยู่หลายรอบ แต่จนแล้วจนรอด “ประสาร” ก็ตอบปฏิเสธอย่างนิ่มนวล ด้วยเหตุผลของครอบครัว

แว่วว่า เบื้องหลังเหตุผลที่แท้จริงของ “ประสาร” ไม่มานั้น วิเคราะห์กันว่า เพราะไม่ต้องการเป็นหุ่นเชิด และตกอยู่ภายใต้การครอบงำของนักการเมือง โดยเฉพาะบทเรียนของ “สมคิดและทีมสี่กุมาร” ที่ก็เหมือนที่ซูเปอร์โพล สะท้อนให้เห็นภาพ คนที่ทำงานกับลุงๆ จะไม่ได้รับการปกป้องจากลุงๆ ทำงานโดยให้เกียรติกัน ไม่ถูกทรยศ หักหลัง ไม่เสร็จนาฆ่าโคถึก เห็นๆ กันอยู่แล้ว

เหตุผลนี้ คนที่คิดเป็นย่อมไม่มีใครเขาอยากมาร่วมสังฆกรรมกับลุงๆ แน่ ประสาร ก็คิดเช่นเดียวกัน!!

แว่วอีกว่า กรณีของ “ปรีดี ดาวฉาย” ก็ไม่ต่างจากประสาร จากที่มีกระแสข่าวว่า ปรีดี ปฎิเสธไม่ขอรับตำแหน่งรมว.คลังก่อนนี้ แต่สุดท้ายก็เกรงใจผู้ใหญ่ที่แบงก์ซึ่งถูกผู้ใหญ่ของรัฐบาลตามตื้อตามขอแบบปฎิเสธก็ลำบากใจเลยต้อง “จำใจมา”

“ครม.ลุงตู่ 2/2” เริ่มต้นก็เห็นแววมยุรา จะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามอย่ากะพริบตา.


**ว่าด้วยนักโทษ Super VIP กับรัฐมนตรียุติธรรม จากสัมพันธ์นายใหญ่-เจ๊แดง- สมศักดิ์ มาถึงอภิสิทธิ์ ของ “เต้น” ทฤษฎีสมคบคิด ที่ต้องบอกว่า เวลาผ่านไปลุงๆ ใจดีขึ้น? !!


สมศักดิ์ เทพสุทิน
ช่วงนี้ข่าวคราว VIP โผล่กันมาเยอะ จาก VIP อภิสิทธิ์ชนโควิด ที่ทำป่วนคนด่ากันขรมทั้งประเทศ มาที่ Super VIP ของเรือนจำกันบ้าง เมื่อ “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดงคนดัง ได้รับอนุญาตจากเรือนจำพิเศษฯ ให้เข้าร่วมพิธีฌาปนกิจ พ่อ “สำเนา ใสยเกื้อ” ที่วัดบางเพ็ง มีนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อวันก่อน งานนี้ไม่มีงุบๆ งิบๆ เพราะมีไลฟ์สดเปิดเผยให้ดูกันผ่านสื่อ นปช. ประกาศความเป็น Super VIP ไปทั่วโซเชียล

พลันนั้นทั้งโลกโซเชียล ก็เลยมีคำถามเดือดปุดๆ ขึ้นมาว่า อภิสิทธิ์ VIP นี้เต้นได้แต่ใดมา เพราะว่า “ณัฐวุฒิ” ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังศาลฎีกาได้พิพากษาจำคุก เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ในคดีบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อปี 2550 ได้ไม่กี่วันเอง

ปกตินักโทษใหม่ จะไม่ได้รับอนุญาตลากิจ ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ แต่ทำไมกรณีของ “เต้น” จึงได้รับอนุญาต ?

ยิ่งชาวโซเชียลยกกรณีของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ที่เคยถูกจำคุกในคดี พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 59 แต่ไม่สามารถออกมาร่วมงานศพภรรยา อาจารย์จันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล ที่เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 59 ทั้งๆ ที่ก็ขอใช้สิทธิ์แบบเดียวกันกับเต้น มาเทียบกัน

สมัยนั้น “กอบเกียรติ กสิวิวัฒน์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในขณะนั้นปฏิเสธคำขอของ “สนธิ" โดยอ้างว่า ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ นักโทษในเรือนจำมีสิทธิประโยชน์ในการลากิจเพื่อออกจากเรือนจำไปร่วมงานสำคัญของญาติ พี่น้อง เช่น งานศพ หรือเพื่อประโยชน์ของผู้ต้องขังได้ แต่ผู้ต้องขังที่จะขอใช้สิทธิ์ ต้องมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ของเรือนจำ เช่น เป็นนักโทษชั้นเยี่ยมที่ต้องได้รับโทษถูกจำคุกมาแล้ว 2 ใน 3 หากเป็นนักโทษชั้นดีมาก ต้องได้รับโทษถูกจำคุกมาแล้ว 3 ใน 4 และ นักโทษชั้นดี ต้องได้รับโทษถูกจำคุกมาแล้ว 4 ใน 5

“กอบเกียรติ” ที่วงการยุทธจักรการเมืองรู้กันว่าเป็นคนของ “ผู้ใหญ่บิ๊กบราเธอร์” ที่ไม่ชอบสนธิอยู่แล้ว อ้างว่ากรณีสนธิ เพิ่งจะเข้ามารับโทษในเรือนจำ ประมาณ 1 เดือนเท่านั้น ยังเป็นนักโทษชั้นกลาง จึงไม่สามารถใช้สิทธิ์ลากิจ ขอออกไปร่วมงานศพภรรยาได้

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ขณะที่ “ณัฐวุฒิ” เป็นเพียงนักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง ซึ่งเพิ่งจะเข้ารับโทษเพียงไม่ถึง 1 เดือน ยังไม่มีสิทธิที่จะเลื่อนเป็นนักโทษชั้นใดได้ และด้วยหลักเกณฑ์ในการลากิจของนักโทษเด็ดขาด เฉพาะการลาไปประกอบพิธีเกี่ยวกับงานศพ ที่ประกาศเมื่อ วันที่ 2 ก.ค. 61 ได้กำหนดคุณสมบัติของนักโทษเด็ดขาดที่จะขออนุญาตลากิจ ไว้ว่าต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดีขึ้นไป ถึงจะลาได้

กรณี “เต้น” ถ้าไม่สองมาตรฐาน คิดแบบมาตรฐานเดียวกับ “สนธิ” ก็ไม่น่าจะเข้าเกณฑ์ เรื่องนี้มีเบื้องหลังไม่ธรรมดา

ด้วยมีรายงานว่า กรมราชทัณฑ์เพิ่งมีการปรับหลักเกณฑ์ในการลากิจของนักโทษเด็ดขาด โดยแก้ไขคุณสมบัติของนักโทษเด็ดขาดที่จะขออนุญาตลากิจ ให้ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไป พูดง่ายๆ ว่า ลดเกณฑ์ลงมา โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ลงนามในประกาศแก้ไขหลักเกณฑ์ดังกล่าวนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา

สืบกันไปก็เจอว่า การแก้ไขหลักเกณฑ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากบิดาของ “ณัฐวุฒิ” เสียชีวิต เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา และจากนั้น “เต้น” ก็ได้รับอนุญาตให้ลากิจ ไปงานเผาศพบิดา ในวันที่ 18 ก.ค. หรือ 2 วันหลังการประกาศแก้ไขหลักเกณฑ์ใหม่

เรื่องนี้เป็นอำนาจอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็จริง และหากเป็นวาระทั่วไปแล้ว เพื่อผู้ต้องขังรายอื่นๆ ได้ประโยชน์ก็เป็นเรื่องดี แต่ไทม์ไลน์การปรับเกณฑ์ ช่างประจวบเหมาะ ชวนคิดว่า เหมาะเหม็งอะไรเช่นนี้ เท่ากับเจาะจงทำไว้เอื้อให้ อภิสิทธิ์ VIP แบบจงใจเพื่อ “ณัฐวุฒิ” หรือไม่

ชาวเน็ตต่างเชื่อกันว่า ของพรรค์นี้หากไม่ใช่เพราะมีคนที่อยู่เหนือกว่าอธิบดีกรมราชทัณฑ์เห็นชอบด้วยการแก้ไขหลักเกณฑ์ ลำพังอธิบดีทำเองก็ไม่น่าทำตามลำพัง

พูดกันง่ายๆ ต้องมีใบสั่ง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ จึงมองไปที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม

ถามว่าแล้ว ว่าด้วย Super VIP ถึงรัฐมนตรียุติธรรม “สมศักดิ์” ที่เขากล่าวว่า ทำเพื่อ “เต้น” นั้น จริงไหม ?

ประเด็นนี้ ถูกโยงตามคำร่ำลือกันมานานว่า “สมศักดิ์” แม้จะหอบหิ้วสมาชิกก๊วน ส.ส.โผไปซบคนนั้น ย้ายไปซบคนนี้ และวันนี้เป็น “สองมิตร” ผู้ยิ่งใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐร่วมงานกับลุงๆ ผู้มากบารมีในรัฐบาลทั้ง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหนัาพรรค และรองนายกฯ และ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม แต่ส่วนตัวและสัมพันธภาพ ก็ยังติดต่อพูดคุยกันอยู่บ่อยกับ “เจ๊แดง” เยาวภา วงษ์สวัสดิ์ เจ้าแม่วังบัวบาน น้องสาวของ “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ที่สมศักดิ์ และแม้แต่ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย เลขาฯ พปชร .คนปัจจุบัน เคยร่วมหัวจมท้ายกันมาหลายปี ให้ความเคารพเชื่อฟังกันมาไม่เสื่อมคลายมาจนถึงทุกวันนี้

ถ้าตามทฤษฎีสมคบคิด ชาวโซเชียลก็มีสิทธิ์จะคิดว่า งานนี้ “เต้น” ที่เป็นแกนนำคนสำคัญของเสื้อแดง ตัวเองสู้ถวายหัวให้ “นายใหญ่ทักษิณ” ถึงคราวลำบากต้องติดคุกก็เพื่อให้นายได้อยู่อย่างสบายใจในแดนไกล ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะยกหูกริ๊งกร๊าง หรือส่งไลน์ฝากฝังให้ช่วยดูแล

คนเขาก็อาจจะคิดไปได้ว่า ไม่ใช่เรื่องยากลำบากใจอะไร ที่ “สมศักดิ์” จะดูแล “เต้น” ยกให้เป็น VIP มีอภิสิทธิ์ สบายๆ โดยไม่มีอะไรมากั้น

หรือถ้าหากจะมีอะไรมากั้น ก็คุยกันได้ โดยมี “สมศักดิ์” เป็นตัวกลาง จาก “ทักษิณ-เจ๊แดง” ถึงลุงๆ ผ่านไปผ่านมา จากลุงๆ ถึงทักษิณได้อีกต่างหาก

ทำนองนี้ ทำไมจะเกิดขึ้นไม่ได้ในวงการการเมืองไทย ที่เห็นประโยชน์พวกพ้องมากกว่า ดังที่เห็นจากกรณี “เต้น” ก็เหมือนว่า กาลเวลาผ่านไป ลุงๆ ก็จะใจดีขึ้นด้วย

เรื่องของ นักโทษ VIP กับรัฐมนตรียุติธรรม เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น