“ม็อบปลดแอก” ไล่ “ประยุทธ์” จี้ยุบสภา ยึดพื้นที่นอนเฝ้าอนุสาวรีย์ บอกกลัวประชาธิปไตยหาย

วันนี้ (18 ก.ค.) ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ กลุ่มคนที่อ้างตัวเป็นเยาวชนปลดแอกเพื่อต่อต้านเผด็จการ ได้นัดหมายชุมนุมกันในเวลา 17.00 น. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.สำราญราษฎร์ มาดูและสถานการณ์ และกรุงเทพมหานครได้นำต้นไม้มาประดับบริเวณรอบอนุสาวรีย์ ตั้งแต่ช่วงกาอนเวลานัดหมายชุมนุม จนเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.เศษ จึงมีผู้ร่วมชุมนุมทยอยเดินทางมาถึง โดยมีการชูป้ายข้อความและตะโกนขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นระยะ

จนเวลาประมาณ 16.40 น. พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สน.สำราญราษฎร์ ได้แจ้งผู้ชุมนุมผ่านเครื่องขยายเสียงเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ขอให้เว้นระยะห่างทางกายภาพ ใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท นอกจากนั้นยังอ่านผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น พ.ร.บ.การจราจร และ พ.ร.บ.การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้องของบ้านเมือง ขณะที่ผู้ชุมนุมยังส่งเสียงตะโดนตลอดเวลา

จนเวลาประมาณ 17.30 น. นายทัตเทพ เรืองประไพเสรีกิจ หรือฟอร์ด เลขาธิการกลุ่มเยาวชนปลดแอกได้ขึ้นปราศรัย โจมตีรัฐบาลการ์ดตกในเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยปล่อยให้แขกวีไอพีเข้ามาแพร่เชื้อ นอกจากนั้นได้เรียกร้องให้รัฐบาลหยุดคุกคามประชาชน แล้วยุบสภา เนื่องจากบริหารงานไร้ประสิทธิภาพ และต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง

ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น. น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ได้เชิญชวนให้ผู้ชุมนุมเปิดไฟจากโทรศัพท์มือถือส่องไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าประชาธิปไตยกำลังมืดมิด พร้อมกับตะโกนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่ผู้ปราศรัยบนเวทีได้ประกาศว่า คืนนี้จะนอนเฝ้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพราะกลัวว่าประชาธิปไตยจะหายไปจากประเทศ โดยล่าสุดกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักยึดพื้นที่โโยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนต้องมีการปิดการจราจรถนนราชดำเนินกลาง ขาเข้า ตั้งแต่ลงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้รถทุกคันเลี้ยวซ้ายเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่ผู้ชุมนุม