“พุทธิพงษ์” เผย “บิ๊กป้อม” กำชับ ส.ส.พปชร.ต้องรอบคอบ หลังสภาล่มไม่เป็นท่า ระบุเหตุเกิดเพราะสลับวาระ คาดไม่ถึงนับองค์ประชุมวาระเพื่อทราบ แย้มแบ่งงาน กก.บห.พรรคชัดเจน 10 ก.ค.นี้ งัดรอง หน.พรรคคุมแต่ละภาค
วันนี้ (9 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มไม่สามารถประชุมได้ เพราะองค์ประชุมไม่ครบ เนื่องจาก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้อยู่ในที่ประชุมจำนวนหลายคน เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า หลังจากเกิดเรื่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้กำชับให้ ส.ส.ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบ แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม การที่สภาล่มก็ทำให้สภาเกิดภาพลักษณ์ไม่ดี และประชาชนรู้สึกไม่ดี แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นปัญหา สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมีการสลับวาระการประชุม แต่ละคนมีคิวอภิปรายของตนเอง เมื่อมีการเปลี่ยนวาระทำให้บางคนไม่ทราบจึงยังไม่มาเข้าร่วมประชุม หรือยังมาไม่ถึงเพราะคิดว่ายังไม่ถึงคิวตนเอง ทั้งนี้ ตนก็ได้อยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว และไม่มีใครคิดว่าจะมีการนับองค์ประชุม เพราะเป็นการพิจารณาวาระเพื่อทราบ ที่ผ่านมาในอดีตน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลยในการนับองค์ประชุมในวาระเพื่อทราบ
เมื่อถามว่า ควรมีมาตรการลงโทษ ส.ส.ที่ขาดประชุมหรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรได้ให้นโยบายให้วิปรัฐบาลและแกนนำพรรคพลังประชารัฐไปดูว่าถ้าใครไม่มาเข้าร่วมประชุมหรือติดธุระอะไรก็ให้แจ้งล่วงหน้าไว้ก่อน
เมื่อถามว่าจะมีการปรับปรุงการทำงานของวิปรัฐบาลหรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า มีแน่นอน เพราะ พล.อ.ประวิตรได้ให้นโยบายว่ารองหัวหน้าพรรคที่ดูแลแต่ละภาคกับวิปรัฐบาลจะต้องไปหาวิธี เพื่อดูแลให้รอบคอบกว่านี้ ซึ่งในวันที่ 14 ก.ค.เป็นวันประชุมพรรคประจำสัปดาห์ ทาง พล.อ.ประวิตรจะกำชับเรื่องนี้กับ ส.ส.ทุกคน ส่วนตัวคิดว่าไม่เป็นอะไร ถือเป็นครั้งแรก แต่จากนี้ก็ให้รอบคอบขึ้น
เมื่อถามถึงการประชุมวิสามัญพรรคในวันที่ 10 ก.ค.นี้จะมีการแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรคเลยหรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ต้องถาม พล.อ.ประวิตรว่าจะมีการแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรคในวันดังกล่าวเลยหรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตรก็มีแนวทางที่จะต้องมีรองหัวหน้าพรรค เพื่อดูแลในแต่ละภาค และจะมอบหมายหน้าที่ต่อไป โดย พล.อ.ประวิตรตั้งใจแบ่งงานให้กรรมการบริหารพรรคแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าใครจะต้องทำหน้าที่อะไร ถือเป็นเรื่องที่ที่ทำให้ทุกอย่างลงตัว