ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ 3 ฉบับ ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถึง 31 ก.ค. ยันไม่ได้มุ่งที่จะห้ามการจัดกิจกรรมใดๆ แต่เพื่อความปลอดภัยในด้านสุขภาพและชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญ
วันที่ 30 มิ.ย. 63 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ 3 ฉบับ ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ประกอบด้วย ฉบับที่ 1 เรื่องการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 3) ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ 2 ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 นั้น
โดยที่รัฐบาลได้ดำเนินบรรดามาตรการต่างๆ อันจำเป็นเพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 มาแล้วช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทำให้การระบาดในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยาและวัคซีนยังอยู่ในระหว่างการศึกษา วิจัย และทดลอง ประกอบกับสถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าวทั่วโลกยังมีความรุนแรง แม้ในประเทศที่ควบคุมการระบาดของโรคได้ดีจนมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอัตราต่ำหรือคงที่ เมื่อได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลง กลับปรากฏว่ามีการระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ดังปรากฏข้อเท็จจริงว่าในสัปดาห์ที่สี่ของเดือนมิถุนายน มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโรค กระทั่งองค์การอนามัยโลกได้แถลงเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และสนับสนุนให้ดำเนินมาตรการป้องกันโรคอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด เพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคมิให้นำไปสู่การระบาดระลอกใหม่ จึงมีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง แต่การขยายระยะเวลาในคราวนี้มิได้มุ่งที่จะห้ามหรือจำกัดการดำเนินกิจกรรมหรือกิจการใดๆ แต่มุ่งประโยชน์เพื่อการบูรณาการความรับผิดชอบและการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย นอกเหนือไปจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เพื่อให้การเฝ้าระวังการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคในห้วงเวลาที่ประเมินว่ายังคงมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค ภายหลังจากที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ด้วยการให้กิจการและกิจกรรมต่างๆ สามารถเปิดดำเนินการได้มากขึ้น เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวเป็นไปโดยมีเอกภาพ มีประสิทธิภาพ รวดเร็วทันต่อสถานการณ์ มุ่งรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยในด้านสุขภาพและชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 จึงให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
ประกาศฉบับที่ 2 เรื่องการให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ
ตามที่ได้มีประกาศเรื่องการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 3) ลงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 มาตรา 8 และมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีจึงให้บรรดาข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป
และประกาศฉบับที่ 3 เรื่องการให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ
ตามที่ได้มีประกาศเรื่องการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 3) ลงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 นั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้บรรดาประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 5/2563 เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป