“พล.ท.ฉลองชัย” เผยจับอาวุธสงครามล็อตใหญ่อาจโยงก่อเหตุไม่สงบ-ยาเสพติด ชี้ M-79 ซื้อไม่ยาก มีประวัติใช้หลายเหตุการณ์ ให้ ตร.สอบเชิงลึก วงในความมั่นคงระบุ ผบ.ทบ.สั่งเช็กทะเบียนกับอาวุธที่หายไปช่วงชุมนุม
วันนี้ (24 มิ.ย.) พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 (ฉก.ร.4) ยึดอาวุธปืนสงคราม เช่น เอ็ม-16, เอ็ม-79, อาก้า, ปืนกล และวัตถุระเบิดอีกจำนวนหนึ่ง ได้ที่บ้านหลังหนึ่งใน อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมควบคุมตัวชายไทย 2 คนว่า ฉก.ร.4 เป็นหน่วยปฏิบัติในการเข้าไปจับกุม ข้อมูลที่มีเป็นเพียงข้อมูลในเบื้องต้น ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนขยายผล ซึ่งได้ส่งตัวทั้ง 2 คนไปที่ส่วนกลางแล้วเพื่อให้ตำรวจสืบสวนหาข้อมูลเชิงลึกต่อไป
“โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธต่างๆ ที่ยึดได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการนำไปก่อความไม่สงบหรือไม่ เพราะอาวุธบางประเภท เช่น เอ็ม-79 ในอดีตก็เคยมีประวัติในการนำไปใช้ในการก่อเหตุในช่วงที่ผ่านมาหลายเหตุการณ์ มีการหาซื้อไม่ยากนัก นอกจากนั้นยังมีประเด็นในเรื่องของการนำอาวุธเพื่อไปแลกยาเสพติดหรือไม่ ซึ่งในการจับค้าอาวุธสงครามก็จะมีกรณีแบบนี้อยู่ แต่ทั้งหมดต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะผู้ต้องหาเป็นคนไทย ไม่ใช่ต่างด้าว คงซักถามและสอบสวนได้ตามปกติ” แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว
ด้านแหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงเปิดเผยว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งการให้ทหารตรวจสอบกรณีนี้เป็นการเร่งด่วนอีกทาง และสั่งการให้ขยายผลดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็กำลังดำเนินการตรวจสอบรายละเอียด และสอบปากคำผู้ที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เพื่อให้ได้ความชัดเจนว่าอาวุธสงครามจำนวนมากนั้นมาจากไหน เป็นของทหารที่สูญหายไปหรือไม่ โดยเฉพาะช่วงที่มีการชุมนุมที่ผ่านมา โดยต้องตรวจสอบเลขทะเบียนที่ติดอยู่กับอาวุธและกระสุนปืนทั้งหมด ส่วนที่มองว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองนั้นก็อาจเป็นไปได้ เพราะช่วงเวลาตรงกับช่วงวันสัญลักษณ์พอดี แต่หากวิเคราะห์ลึกๆ แล้วถ้าเกี่ยวข้องกับการเมืองจริงๆ อาวุธสงครามที่มักจะจับกุมได้ในจังหวัดปริมณฑลใกล้ๆ กทม.มากกว่าจังหวัดที่อยู่ตามชายแดน แต่ทั้งนี้ทางฝ่ายทหารจะมีการเพิ่มความเข้มงวดบริเวณชายแดนต่อไป