ส.ส.ก้าวไกลจี้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้ไม่จำเป็นต้องใช้หลังตัวเลขยืนยันสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นแล้ว แต่ยังคงไว้เพื่อปกป้องรัฐบาลเอง ไม่ให้มีคนประท้วง อ้างใช้ปิดน่านฟ้าฟังไม่ขึ้นเพราะมี พ.ร.บ.ควบคุมอยู่แล้ว กฎหมายปกติสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้
วันนี้ (12 มิ.ย.) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก แต่จะมีการทดลองการยกเลิกเคอร์ฟิว ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความอันตรายมากหากยังมีการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ต่อไป เพราะการยกเลิกเคอร์ฟิวไม่เท่ากับการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งปัญหาสำคัญของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือ การที่เจ้าหน้าที่ได้รับการยกเว้นความรับผิด หมายความว่าการใช้อำนาจ ข้อกำหนดต่างๆ ที่อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจค่อนข้างมากต่อไปซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชน เพราะเราจะไม่มีทางรู้ว่าเจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจนี้ไปในทิศทางใด อาจจะเป็นความเหิมเกริม อาจจะนำไปสู่การรังแกประชาชน และท้ายที่สุดจะทำให้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนไม่สามารถทำได้ ดังนั้น การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะเป็นตัวขัดขวางกระบวนการ ทำให้ประชาชนไม่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือมีเสรีภาพในการแสดงออกได้อย่างเต็มที่
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ดังนั้นจึงไม่แปลกในการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ นอกจากจะไม่ใช่เป็นการคงเอาไว้เพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 เพราะขณะนี้ตัวเลขต่างๆ ได้ยืนยันว่าสถานการณ์ดีขึ้นมากจนไม่รู้ว่าต้องมีเครื่องมือเหล่านี้ต่อไปทำไม หรือแท้ที่จริงแล้วการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการใช้เครื่องมือทางกฎหมายที่ให้อำนาจฝ่ายบริหารมากมายขนาดนี้เพื่อปกป้องรัฐบาลเอง เพื่อปกป้องจากการที่ประชาชนที่เขามีความเห็นตรงกันข้ามกับรัฐบาลแล้วอาจจะประท้วง หรือแสดงความคิดเห็น โดยรัฐบาลจะใช้เครื่องมือทางกฎหมายนี้เพื่อรังแกผู้ชุมนุมหรือประชาชน
“ผมคิดว่าหากพูดกันเฉพาะเรื่องของการแก้ไขปัญหาโควิด-19 แค่กฎหมายปกติก็เพียงพอแล้ว จะอ้างว่ามี พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้เพื่อไปปิดน่านฟ้าก็ฟังไม่ขึ้น เพราะเรามี พ.ร.บ.ปิดน่านฟ้า ให้อำนาจไว้อยู่แล้ว ดังนั้น การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ผมเห็นว่าถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องยุติการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน” นายรังสิมันต์กล่าว