เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จี้นายกรัฐมนตรี ปลด รมช.กลาโหม-เด้ง ผบ.ทร.เซ่นซื้อเรือยกพลจากจีนแม้ถอนวาระจาก ครม.แล้ว
วันนี้ (1 เม.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีปรากฏการเผยแพร่เอกสารการนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในวันที่ 31 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการขออนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่สนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำระยะที่ 1 จำนวน 1 ลำ มูลค่ามากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,200 ล้านบาท) จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมไทยอยู่ในขณะนี้นั้น
การเสนอใช้เงินภาษีของประชาชนจำนวนมหาศาลไม่ใช่เรื่องใหม่ของกองทัพเรือในยุคนี้ แม้ประเทศจะมีปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ข้าวยากหมากแพงก็ตาม หากแต่กองทัพเรือกลับไม่ยี่หระต่อข้อครหาของประชาชน ยังเดินหน้าขอจัดซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำมูลค่า 36,000 ล้านบาท (ลำแรกราคา 13,500 ล้านบาท) รวมทั้งการสร้างบ้านพักรับรอง ผบ.ทร.ริมแม่น้ำเจ้าพระยามูลค่า 112 ล้านบาทอีกด้วย ดังนั้น การจัดซื้อจัดหาเรือลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบก (Landing Platform Dock หรือ LPD) จากจีนจึงไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย และได้ลงนามซื้อไปแล้วเมื่อ 9 ก.ย. 62 แม้ที่ผ่านมา กองทัพเรือไทยมีเรือสะเทินน้ำสะเทินบกขนาดใหญ่อยู่ลำหนึ่งอยู่แล้ว คือเรือหลวงอ่างทองก็ตาม
กองทัพเรือเคยได้รับคำชื่นชมจากประชาชนอยู่เสมอในความเป็นสุภาพบุรุษในวิกฤตการณ์ทางการเมืองหลายครั้งที่ผ่านมา แต่ในยามที่คนไทยทั้งประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 อยู่ในขณะนี้ กลับมีความพยายามที่จะนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินการในเรื่องต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดหาเรือลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบก เพื่อรองรับเรือดำน้ำที่ผู้คนก่นด่ากันทั้งแผ่นดินให้จงได้ แม้จะพยายามออกมาแก้ข่าวว่าได้ถอนเรื่องออกไปจาก ครม.แล้วก็ตาม แต่ ณ วันหนึ่งก็ต้องนำเรื่องเข้า ครม.อีก ไม่ได้เลิกไปโดยถาวร
“ลองคิดดูเงิน 6,200+13,500 ล้าน ที่กองทัพเรือใช้จัดซื้อจัดหายุทธโธปกรณ์ทั้ง 2 รายการข้างต้น หากโยกงบดังกล่าวไปช่วยแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้จะเป็นคุณูปการต่อสังคมไทยได้มหาศาลเพียงใด เริ่มจากสามารถใช้ซื้อชุดตรวจโควิด-19 รวมค่าแล็บ (คนละ 2,500 บาท) ใช้ตรวจให้คนไทยได้ถึง 7.88 ล้านคน ใช้ซื้อเครื่องช่วยหายใจ (เครื่องละ 1.5 แสนบาท) ได้ถึง 1,313,333 เครื่อง ใช้ซื้อหน้ากากอนามัยแจก (ชิ้นละ 2 บาท) ได้ 9,850 ล้านชิ้น ใช้ซื้อชุดป้องกัน PPE สำหรับแพทย์ (ชุดละ 250 บาท) ได้ถึง 78.8 ล้านชุด แต่ถ้าจะนำไปสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย (โรงละ 100 ล้านบาท) จะได้ถึง 197 โรงเลยทีเดียว แต่นั่นจะเป็นเพียงแค่ความฝันหากเรายังมีรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับกองทัพมากกว่าประชาชนอยู่”
วีรกรรมของกองทัพเรือในครั้งนี้จะเป็นที่จดจำในทางลบของคนไทยทั้งแผ่นดินไปอีกนานแสนนานในยุคของ ผบ.ทร.คนนี้ และมี รมว.กลาโหมที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ถ้าจะให้สังคมไทยกลับมาชื่นชมยินดีเหมือนเดิม นายกฯ ต้องตัดสินใจ 2 ประการเท่านั้น คือ 1) โยกงบซื้ออาวุธของกองทัพทั้งหมดไปใช้แก้ปัญหาโควิด-19 และ 2) โยก ผบ.ทร.ให้ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลด รมช.กลาโหมเสียจึงจะชอบ