“หมอวรงค์” โชว์วุฒิภาวะชวนนักรบฝ่ายต่อต้าน งดด่าชั่วคราว! รวมพลังต่อสู้โควิด-19 ขณะ “สมชาย” จวกแรง ม็อบ นศ. ไม่รู้เวล่ำเวลา ระวังแพร่เชื้อตายเป็นเบือ ด้านอดีต รมต.สาธารณสุขอังกฤษ ชมไทย ตัวอย่างที่ดีของการรับมือไวรัสร้าย
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (13 มี.ค. 63) เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์ข้อความระบุว่า
“เรากำลังสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น และไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่ประเทศของเรา แต่หมายถึงทุกประเทศบนโลกใบนี้ ตั้งสติดีๆ สิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้ คือ ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมพลังกันสู้กับสิ่งนี้บนหลักวิชาการ งดด่าชั่วคราว เพราะไม่ได้ช่วยอะไร
อีกไม่นานประเทศก็จะผ่านวิกฤตครั้งนี้.....อีกนิดครับ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้เรารอดได้ทุกสถานการณ์ แม้ปัจจุบัน”
นอกจากนี้ ยังโพสต์ถึงกรณี ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปเยี่ยมเยือนด้วยว่า “ต้องขอขอบคุณอย่างสูงต่อท่านชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่แวะมาเยี่ยมเยียน ถามสารทุกข์สุกดิบผมถึงพิษณุโลกและฝากของที่ระลึกให้ผมด้วย”
ขณะที่ เฟซบุ๊ก สมชาย แสวงการ ของ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) โพสต์ข้อความระบุว่า
“#เห็นแล้วรำคาญใจ นัดชุมนุมอีกแล้วลูกหลานใครห้ามกันเองครับ
#นัดชุมนุมไม่รู้เวล่ำเวลาบ้างหรือไง สภาปิดสมัยประชุมไม่ทำการบ้านเลยหรือ
#ถ้ารับหรือมีใครแพร่เชื้อโควิดเข้าไปก็คงระบาดตายเป็นเบือแน่นอน
#เจ้าหน้าที่สาธารณสุขควบคุม สามารถใช้มาตรการควบคุมได้ 14 วันเอาไปไว้ไหนดี”
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น วันนี้ บีบีซีไทย โดย นพพร วงศ์อนันต์ รายงานว่า เจเรมี ฮันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของรัฐบาลพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ระหว่างปี 2012-2018 วิจารณ์รัฐบาลสหราชอาณาจักรว่า
“ขยับตัวยังไม่เร็วพอ” ในการสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่คร่าชีวิตชาวอังกฤษไปแล้ว 10 ราย และทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 600 ราย
“คนจำนวนมากประหลาดใจและกังวลว่า เรายังขยับตัวไม่เร็วพอ” นายฮันต์ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 เมื่อค่ำวันที่ 12 มี.ค. ไม่กี่ชั่วโมงหลังการแถลงข่าวของ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีเรื่องมาตรการล่าสุดในการรับมือกับไวรัสโคโรนา
นายจอห์นสัน เรียกการระบาดที่กำลังเกิดขึ้นว่า เป็น “วิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขที่เลวร้ายที่สุดแห่งยุคสมัย” และเตือนว่าจะมีจำนวนครอบครัวมากมายที่จะต้อง “สูญเสียคนที่รักก่อนเวลาอันควร”
ทว่า รัฐบาลของสหราชอาณาจักร ยังไม่สั่งปิดโรงเรียน หรือห้ามการรวมตัวกันในพื้นที่สาธารณะ เช่น การไปชมการแข่งกีฬา การแสดงดนตรี แม้หลายประเทศในยุโรปได้ดำเนินการไปแล้ว รวมทั้งแคว้นสกอตแลนด์ที่ออกคำสั่งห้ามการชุมนุมสาธารณะที่มีคนมากกว่า 500 คน ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเพื่อลดภาระของเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข
ด้าน นายฮันต์ ผู้ดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข สมัยที่ นายจอห์นสัน เป็น รมว.ต่างประเทศ เรียกร้องให้รัฐบาลของนายจอห์นสัน เร่งออกมาตรการเร่งด่วนในการแยกกลุ่มคนที่สุ่มเสี่ยงต่อโรคนี้ โดยเฉพาะผู้สูงวัยให้ห่างจากผู้ที่อาจเป็นพาหะโรค โดยเขาเสนอสหราชอาณาจักรดูตัวอย่างมาตรการต่อสู้กับเชื้อไวรัสของระบบสาธารณสุขของไทย ไต้หวัน สิงคโปร์ และ ฮ่องกง
“ดูเหมือนว่า เราเห็นหลักฐานของความสำเร็จอย่างยิ่งยวดของหลายชาติในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสนี้ ดูประเทศไทยเป็นตัวอย่าง เป็นชาติแรกหลังจีนที่ได้รับเชื้อไวรัส ตอนนี้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพียง 59 ราย (ตัวเลขเมื่อ 11 มี.ค.) ส่วนไต้หวันที่อยู่ติดกับจีนก็มีเพียง 49 ราย” นายฮันต์ กล่าว
แน่นอน, ไม่มีใครปฏิเสธความน่ากลัวของไวรัสโควิด-19 ปฏิเสธการมีสติในการรับมือกับเรื่องนี้ของรัฐบาล ปฏิเสธการได้รับความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจจากทุกฝ่ายเพื่อต่อสู้ฟันฝ่าวิกฤตไปให้ได้ ต่อให้การต่อสู้ทางการเมืองก็จำเป็นต้องดำรงอยู่ เพื่อรักษาสถานภาพของแต่ละฝ่าย และอุดมการณ์ทางการเมืองของฝ่ายตน
แต่นั่น อาจไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่ใหญ่กว่า คือ หายนะของมนุษยชาติ ที่จะไม่มีใครแพ้-ใครชนะ นอกเสียจากความตาย ลองคิดดูให้ดี