อดีตรองโฆษก ปชป.อัด นายกฯ เป็นใบ้ในวันที่คนทั้งชาติเดือด หลังพบทีมงาน “ธรรมนัส” พัวพันกักตุนหน้ากากอนามัย ฉะไร้ภาวะผู้นำ เทียบไม่ได้ยุค “มาร์ค” จี้ตั้ง กก.คนกลางสอบ เชื่อทำเป็นขบวนการ บี้ พณ.แจง 200 ล.ชิ้นหาย แนะปรับ ครม.ตัดเนื้อร้าย
วันนี้ (9 มี.ค.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง อย่าปล่อยให้คนทุจริตโควิด-19 ลอยนวล มีเนื้อหาว่า
เห็นข่าวคณะทำงาน ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าไปพัวพันกับการกักตุนหน้ากากอนามัย ในขณะที่คนทั้งประเทศจมอยู่กับความทุกข์ บุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลนหน้ากากอนามัย แต่นายกฯกลับทำได้เพียงแสดงสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงการไร้สภาวะผู้นำ เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่นายกฯต้องสื่อสารกับสังคมเป็นลำดับแรก คือ ไม่เก็บคนชั่วเอาไว้ และต้องตรวจสอบจัดการอย่างเด็ดขาดให้ถึงที่สุด
นายเชาว์ ระบุต่อไปว่า เมื่อนายกฯทำตัวเป็นใบ้ในวันที่คนทั้งชาติเดือดดาล แต่ไม่คิดแก้ปัญหา ผมจึงขอเสนอทางแก้ ดังนี้
1. ตั้งคณะกรรมการจากคนกลาง ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ว่า มีใครเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัยบ้าง เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องทำกันเป็นขบวนการอย่างแน่นอน จะตัด นายพิพิตนันท์ รักเอียด คณะทำงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกจากการเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในเรื่องนี้ เพียงเพราะมีการไปแจ้งความดำเนินคดี แบบขายผ้าเอาหน้ารอดไม่ได้โดยเด็ดขาด และต้องสืบสาวลงลึกด้วยว่าหน้ากากอนามัยที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงพาณิชย์ หลุดรอดไปได้อย่างไรมีใครเข้าไปเอี่ยวกับการทุจริตบนความทุกข์ของประชาชนหรือไม่ ไม่ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบคดีธรรมดา
2. กระทรวงพาณิชย์ต้องชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีการให้ข่าวเกี่ยวกับสต๊อกหน้ากากอนามัยในช่วงปลายเดือนมกราคมว่า มีสูงถึง 200 ล้านชิ้น เพียงพอต่อการใช้ภายในประเทศ 5-6 เดือน หน้ากากอนามัยในส่วนนี้หายไปไหน เหตุใดจำนวนจึงไปสอดรับกับการกักตุนหน้ากากอนามัยที่ปรากฏข้อมูลอยู่ในขณะนี้ และทำไมในปัจจุบันจึงมีการพูดถึงแต่ปริมาณหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้ในแต่ละวันเท่านั้น โดยไม่พูดถึงปริมาณหน้ากากอนามัยในสต๊อกเลย
3. นายกรัฐมนตรีต้องรีบปรับ ครม. ตัดเนื้อร้ายทิ้ง ก่อนที่วิกฤตศรัทธาจะลุกลามมากไปกว่านี้ เพราะลำพังแค่การบริหารจัดการหน้ากากอนามัยที่ล้มเหลว ก็ทำให้ประชาชนสิ้นหวังพอแล้ว ยังมีเรื่องการทุจริตถมทับเข้ามาอีก ถ้ายังไม่รีบจัดการรัฐบาลก็ไม่ควรอยู่ต่อไป เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้
“ผมจำได้ว่าในสมัยรัฐบาล นายกฯ อภิสิทธิ์ มีการกล่าวหารัฐมนตรี 2 ท่านของพรรคประชาธิปัตย์ว่าทุจริต นายอภิสิทธิ์สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทันที และให้รัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าจริยธรรมทางการเมืองอยู่เหนือกฎหมาย แม้ข้อกล่าวหาไม่ชัดแจ้ง แต่เป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนความรู้สึกของประชาชน แม้สุดท้ายผลการสอบสวนของ ป.ป.ช.ออกมาว่ารัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านนั้นไม่ผิดก็ตาม แต่สิ่งที่เราได้เห็น คือ ธรรมาภิบาลของผู้นำ ไม่ได้มาเพียงแค่คำพูด แต่ต้องมาจากการกระทำ” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย